ศราวุธ รัชนกูล ทายาท สีเจบีพี
สีทาอาคารตรา เจบีพี (JBP) ผลิตภัณฑ์สีที่อยู่คู่ตลาดไทยมาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ที่ในวันนี้
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
สีทาอาคารตรา เจบีพี (JBP) ผลิตภัณฑ์สีที่อยู่คู่ตลาดไทยมาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ที่ในวันนี้ กำลังก้าวเข้าสู่การขยับครั้งใหญ่ ภายใต้การบริหารของทายาทธุรกิจรุ่น 2ศราวุธ รัชนกูล วัย 33 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ ที่เข้ามารับไม้ต่อบริหารกิจการธุรกิจผู้เป็นพ่อ จงกล รัชนกูล พร้อมภารกิจท้าทายที่อยู่ในมือของผู้บริหารเลือดใหม่
ศราวุธ เข้ามาช่วยกิจการครอบครัวตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน พร้อมทำความเข้าใจการทำงานขององค์กร ที่ประกอบด้วยทั้งการลงทุน ภาคการผลิต การตลาด และบุคลากร ที่เขาเห็นว่ายิ่งจะต้องบริหารทุกอย่างให้ได้อย่างกลมกลืน ด้วยเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการทำงานของคนทำงานรุ่นบุกเบิกและรุ่นใหม่
ภายใต้โจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย คือ รูปแบบของการทำตลาดสีทาอาคารที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากการเข้ามาของช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด ที่เข้ามาดึงความสนใจของกลุ่มผู้บริโภค ที่ปัจจุบันพบว่า เอนด์ ยูสเซอร์ หรือเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ เริ่มเข้ามามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สีทาอาคารด้วยตัวเองมากขึ้น ต่างจากเดิมที่การเลือกสีทาอาคารนั้น ผู้ที่รับเหมางานก่อสร้าง หรือช่าง มักเป็นผู้ตัดสินใจเลือกสีเพื่อการใช้งาน
ขณะที่อุตสาหกรรมสีทาอาคารส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสีตราเจบีพี ในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันจะทำตลาดร่วมกับตัวแทนขาย (ดีลเลอร์) ซึ่งในส่วนของบริษัทมีอยู่ราว 500-700 ราย กระจายอยู่ทั่วประเทศในปัจจุบัน และเป็นช่องทางขายในร้านค้าดั้งเดิมในกลุ่มสี วัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป หรือทราดิชั่นแนล เทรด ที่มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจร่วมกันกับบริษัทเป็นอย่างมากตั้งแต่ในยุคพ่อที่เป็นผู้ก่อตั้ง
แนวโน้มที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทภายใต้การนำของศราวุธวางแผนกลยุทธ์การบริหารธุรกิจใหม่ โดยอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่คือ ผลิตภัณฑ์สีเจบีพี ที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดทั้งคุณภาพและราคา ตัวแทนขาย หรือดีลเลอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และมีความสัมพันธ์กับบริษัทมาช้านาน และผู้บริหารและพนักงานองค์กรที่เติบโตมาพร้อมกับบริษัท
เขาเป็นผู้บริหารที่นำแนวคิดสมัยใหม่เข้ามาใช้ทำงานภายในองค์กร เช่น การปรับระดับการทำงานให้ลดลง จากเดิมที่มีระดับการทำงานหลายขั้นตอน เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการทำงานระหว่างกันมากขึ้น ที่ไปพร้อมกับการปรับปรุงโครงสร้างภายในองค์กร ที่จะต้องผสมผสานกันระหว่างคนทำงานในรุ่นแรกและคนทำงานรุ่นใหม่ ให้สามารถถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานระหว่างกันได้
เมื่อรับไม้ต่อจากรุ่นแรก ต้องทำงานร่วมกับคนรุ่นแรกเยอะมาก ที่ต้องเปิดรับฟังความเห็นของผู้มากประสบการณ์กว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานในองค์กรเพื่อนำมาวิเคราะห์ฺการทำงานให้เข้ากับ Generation Y ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับเขา
ยุคของการขายสีทาอาคารเปลี่ยนไป จากพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มนักออกแบบตกแต่งภายใน เจ้าของบ้านที่มีส่วนในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สี ที่จะคำนึงถึงภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ หรือตราสินค้ามากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่คุณภาพผลิตภัณฑ์ของแต่ละแบรนด์ที่มีอยู่ในตลาดนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก
ภายในปีนี้บริษัทมีแผนเตรียมปรับโฉมแบรนด์เจบีพีเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นในช่องทางโมเดิร์นเทรด ภายใต้แนวคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ เจบีพี สีดีๆ ที่บอกต่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้งก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ จากในอดีตสีทาอาคารเจบีพี มีวลีฮิตที่ติดปากกลุ่มช่างระดับอาชีพคือ สีเจบีพี ใช้ดีจึงบอกเพื่อน
สำหรับแนวทางดังกล่าว ยังเพื่อขยายฐานกลุ่มผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่ไปพร้อมกันด้วย เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดจากการเข้ามาของโมเดิร์นเทรด ที่มีผลทำให้ตลาดสีทาอาคารมีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาเดียวกับที่บริษัทได้เริ่มปรับกลยุทธ์การทำตลาดเช่นกัน
พร้อมกันนี้ ยังวางแผนขยายการทำธุรกิจที่มาจากโครงการต่างๆ ด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจในการรวมกลุ่ม “อินทรี อลิอันซ์” ที่มองว่าเป็นผลดีต่อธุรกิจ เพราะเป็นการรวมทุกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้ดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในโครงการได้อย่างครบครัน
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานหลักอยู่ที่ย่านจรัญสนิทวงศ์ 13 มีกำลังการผลิตสีทาอาคารไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นตัน/ปี โดยในปีนี้บริษัทคาดจะมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจคงที่ หรือมีรายได้ราว 900 ล้านบาท สอดคล้องกับภาพรวมตลาดสีทาอาคารในปัจจุบันที่คาดมีมูลค่าตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาทและในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตคงที่ หรือลดลงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจชะลอกำลังซื้อในภาพรวม
ศราวุธ กล่าวว่า สิ่งที่พ่อให้แนวคิดหลักในการทำธุรกิจในช่วงที่เขาต้องมารับช่วงบริหารต่อ คือ จะต้องเน้นเรื่องของ“บุคลากร” เป็นอันดับแรก ต้องอย่าลืมว่า การเติบโตขององค์กร บริษัทในช่วงที่ผ่านมานั้นมาจากการขับเคลื่อนของคนดังนั้นการรักษาคน โดยเฉพาะคนรุ่นเก่าเอาไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งจะต้องไปพร้อมกับการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน
โจทย์ดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้มีการวางแนวคิดการทำงานให้ได้ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะการทำงานนั้นต้องการความมั่นคงเป็นหลัก อย่างเช่น การเติบโตของบริษัทต่างชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่จากวิสัยทัศน์ของพ่ออยากให้เจบีพีเป็นองค์กรที่มีความมั่นคง มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับแนวความคิดในการทำงานที่จงกลถ่ายทอดให้ลูกชาย คือ เรื่องของใจ ด้วยเวลาที่คนเราจะทำอะไรนั้นหากจะต้องทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จได้นั้น “จิตใจ” เป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด เพราะแม้ว่าทุกคนจะมีความสามารถ ทักษะฝีมือในการทำงานมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่หากเมื่อเจอปัญหาอุปสรรคแล้วใจไม่สู้ ก็ไม่สามารถผ่านพ้นไปได้
“หากเรามีใจสู้ในทุกเรื่องแล้ว แม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นรออยู่ สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านพ้นไปได้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถฝ่าฟันไปได้” ศราวุธ ย้ำ
ในฐานะที่เป็นเลือดใหม่ที่เข้ามาบริหารกิจการครอบครัวนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายพอสมควร ด้วยเป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนถ่ายในหลายด้านๆ ของการทำงาน แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถนำธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างผสมกลมกลืนระหว่างคนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างกัน


