‘การท่องโลก ทำให้รักประเทศไทยมากขึ้น’
แม้จะเพิ่งลองสวมบทบาทใหม่ในฐานะพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทประกันเป็นครั้งแรก กับประกันการเดินทาง
โดย...วารุณี อินวันนา
แม้จะเพิ่งลองสวมบทบาทใหม่ในฐานะพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทประกันเป็นครั้งแรก กับประกันการเดินทาง AXA Smart Traveller Plus แต่ชื่อของ “ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล” บุตรชายใน ม.จ.ชาตรี
เฉลิม ยุคล และหม่อมกมลา ยุคล ก็ไม่อาจทำให้ใครนึกภาพถึงทริปเฟิสต์คลาสไปต่างประเทศสุดหรูได้
ตรงกันข้าม “คุณชายอดัม” มาในลุคสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตปล่อยชาย กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ที่สะท้อนถึงรูปแบบการเดินทางที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์และความหมาย ซึ่งยังสะท้อนตัวตนความเป็นผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ที่หลายคนอยากจะเป็น ได้เป็นอย่างดี
“ผมจำได้ว่าเริ่มแบกเป้ท่องโลกตั้งแต่อายุ 16 ปี แบบไปเอง ไม่ได้ให้ทางบ้านค้ำประกันฐานะการเงิน ไม่มีหลักประกันอะไรเลย ไม่มีบัญชีในธนาคาร ไม่มีงาน มีแต่พาสปอร์ต และตั๋วเครื่องบินไป-กลับเท่านั้น” คุณชายอดัม กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
หลังจากว่างเว้นจากการปิดกล้องกำกับหนัง หรือการทำงานในบริษัทโซเชียลมีเดียอย่าง ฟุ๊กกุก ในฐานะซีอีโอและผู้ก่อตั้ง คุณชายอดัม เล่าว่า เป็นต้องออกเดินทาง ออกไปท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตา และไม่ใช่ลากกระเป๋าหิ้วเสื้อโค้ตเบอร์เบอร์รี่ แต่ไปแบบแบ็กแพ็ก ที่หิ้วกระเป๋าเป้คู่ใจไปพร้อมรองเท้าผ้าใบที่เดินสบายๆ
การเดินทางของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งวัยใกล้ 30 ปี ไม่มีการเตรียมการอะไรมาก และไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้า แต่จะเป็นประเภทไปตามใจอยากเท่าที่โอกาสจะอำนวย
“เวลาที่เจ้าหน้าที่ถามว่าจะไปพักที่ไหน ก็ตอบว่าไม่รู้ จะไปเที่ยวที่ไหน ก็ตอบว่าไปเที่ยวทั่วๆ ไป การเที่ยวก็ใช้การเดินเป็นส่วนใหญ่ ไปตามตรอกซอกซอย อย่างที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งผมเรียนจบด้านการสร้างภาพยนตร์ ผมเดินมาแล้วเกือบทุกถนน ทุกตรอก ซอกซอย การเดินทางของผมไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้า ถ้าอยากกินคุกกี้ที่สิงคโปร์ ว่างก็บินไปเลย หรือดูสารคดีญี่ปุ่นเกี่ยวกับภูเขาฟูจิ อยากไป ว่างก็บินไปเลย”
ถึงวันนี้ไปมาแล้วทั่วโลก เหลือเพียงทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และแอนตาร์กติกาเท่านั้นที่ยังไม่ได้ไป ส่วนในยุโรปไปมาแล้ว 10 ประเทศ
คุณชายอดัม เล่าว่า การเดินทางท่องเที่ยวทำให้ได้ประสบการณ์นำมาปรับใช้กับงานถ่ายละคร ในการเลือกโลเกชั่น หรือสถานที่ถ่ายทำที่สวยๆ เช่น การถ่ายละครสุดคลาสสิกเรื่อง รัตนาวดี ต้องไปถ่ายทำที่ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ ซึ่งการที่เคยไปเที่ยวและอยู่ในสวิสมา 3 ปี ทำให้รู้ว่าสถานที่ไหนเป็นอย่างไร สามารถให้คำแนะนำทีมงานได้
นอกจากนี้ ยังได้ออกไปศึกษาโลกข้างนอก ได้เปิดโลกทรรศน์ให้กว้างขึ้น เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่มีใครสอนได้ นอกจากเหตุการณ์นั้นๆ จะเกิดขึ้นจริงๆ
“ที่ไปมาไม่ใช่ทุกทริปจะราบรื่น อย่างทริปที่ไปรัสเซีย ถูกกักตัวไว้ที่สนามบินถึง 12 ชั่วโมง เพราะเขาถามจะไปเที่ยวไหน ก็บอกไม่รู้ ไม่มีหลักฐานอะไร ตอนนั้นยังเป็นเด็กด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยตัว ผมยังเคยถูกนักเลงท้องถิ่นรุมเพราะหน้าตาที่ออกไปทางอาหรับ แถมยังเคยทำก๊อกน้ำในโรงแรมพังไม่รู้ตัว ทำเอาน้ำไหลท่วมห้องลามไปห้องอื่น ต้องจ่ายเงินไปร่วม 5,000-6,000 ยูโร กรณีนี้ทำให้เรียนรู้ว่าควรจะทำประกันภัยการเดินทาง” คุณชายอดัม เล่าอย่างออกรส ทำให้คนฟังตื่นเต้นไปด้วย
คุณชายอดัมให้ข้อคิดถึงน้องๆ รุ่นใหม่ว่า ควรจะออกเดินทางท่องเที่ยว อย่ากลัวอันตราย แต่ต้องรู้ว่าที่ไหนเป็นถิ่นอโคจร หรือพื้นที่อันตรายก็อย่าเข้าไปใกล้ เพราะทุกที่ในโลกมีอันตรายหมด แต่อันตรายไม่เหมือนกันและหลีกเลี่ยงได้
ส่วนข้อจำกัดเรื่องภาษานั้น กลับไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมากสำหรับนักเดินทางอย่างคุณชายอดัม เพราะภาษาต่างประเทศที่เชี่ยวชาญมีเพียงภาษาอังกฤษ แต่ถิ่นที่ไปไม่ใช่ทุกที่จะพูดภาษาอังกฤษ เช่น อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส โรมาเนีย ภาษาในการสื่อสารก็ไม่เหมือนกัน เช่น ที่อิตาลีใช้มือในการสื่อสารเป็นส่วนใหญ่ จากประสบการณ์เห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วิธีการสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจจะด้วยวิธีใดก็ได้ เพียงให้เขาเข้าใจเรา หรือเราเข้าใจเขา
การได้ไปเห็นและเข้าใจโลกมากขึ้น ทั้งในด้านดีและด้านลบ ยังทำให้คุณชายอดัมยอมรับว่า ทำให้เห็นและเข้าใจประเทศไทยเราเองได้กว้างขึ้นด้วย
“การออกท่องโลก ทำให้เราได้เห็น ได้เรียนรู้โลกมากกว่าที่เราคิด และทำให้เรารักประเทศไทยมากขึ้น”


