ขยายตลาดและเพิ่มโอกาสอุตสาหกรรมโคนมไทยใน AEC
นับตั้งแต่กิจการโคนมในประเทศไทยกำเนิดขึ้น ได้ผ่านช่วงเวลาของการเรียนรู้ และพัฒนามาแล้วหลายสิบปี จนทำให้ประเทศไทยวันนี้ สามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า กิจการโคนมของเรานั้น ประสบความสำเร็จในการสร้างและพัฒนา จนกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาคนี้ได้แล้ว
นับตั้งแต่กิจการโคนมในประเทศไทยกำเนิดขึ้น ได้ผ่านช่วงเวลาของการเรียนรู้ และพัฒนามาแล้วหลายสิบปี จนทำให้ประเทศไทยวันนี้ สามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า กิจการโคนมของเรานั้น ประสบความสำเร็จในการสร้างและพัฒนา จนกลายเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาคนี้ได้แล้ว
เนื่องจากประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกว่า 2 หมื่นครัวเรือน มีโคนมเกือบ 6 แสนตัว มีการส่งเสริมกิจการโคนมที่ทันสมัยตามหลักวิชาการ มีโรงงานแปรรูป มีการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมโคนมที่ครบวงจร และมีศักยภาพที่จะขยายกิจการไปในกลุ่มประเทศอาเซียน
กลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประกอบไปด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เพราะกิจการโคนมยังไม่ได้มีการพัฒนาไปมากนัก ในขณะเดียวกันผู้คนก็มีความต้องการบริโภคนมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกลุ่มประเทศนี้ยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำสะอาด และแหล่งเพาะปลูกพืชสำหรับเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งยังมีค่าแรงไม่สูงมาก จึงทำให้บริษัทนมจากประเทศตะวันตกเริ่มเข้าไปลงทุนทำฟาร์มและตั้งโรงงานในประเทศเหล่านั้นบ้างแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการชาวไทย ซึ่งมีความได้เปรียบกว่าทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีความใกล้เคียงกัน จึงไม่ควรมองข้ามโอกาสของการมองหาแหล่งผลิตใหม่ในกลุ่มประเทศ CLMV
ในเวลานี้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เพราะจำนวนประชากรและขนาดเศรษฐกิจนั้น อาจนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมหาศาล แต่ในความเป็นจริงคงไม่มีตลาดไหนจะยิ่งใหญ่เท่ากับตลาดการค้าของประเทศจีน เมื่อเทียบด้วยจำนวนประชากร กำลังซื้อ และเทคโนโลยี ซึ่งคุณนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย วิเคราะห์ตลาดนมในประเทศจีนให้โลก 360 องศาฟังว่า ปัจจุบันการพัฒนาวงการโคนมในประเทศจีน ถือว่ามีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ 2 ประการ คือ ความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภค จากกรณีการปนเปื้อนสารเมลามีนในนม และข้อจำกัดเกี่ยวกับพื้นที่เหมาะสมในการเลี้ยงโคนม ซึ่งส่งผลต่อระยะทางในการขนส่งและต้นทุนที่สูงขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์นมไทย เพราะถึงแม้จะไม่มีพรมแดนติดกัน แต่มีเส้นทางตัดผ่านประเทศลาวเชื่อมถึงกันได้ อย่างไรก็ตามที ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นมของไทยจะเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอยู่แล้ว แต่ทาง อ.ส.ค.ได้มีการเจรจากับทางจีนเกี่ยวกับการรับรองมาตรฐานการผลิตในโรงงาน เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นอีกขั้นให้กับผลิตภัณฑ์นมไทยที่จะส่งไปทดลองตลาดจีนในปีหน้า
อีกหนึ่งตลาดที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตลาดจีน นั่นก็คือตลาดอาหารฮาลาลในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการกระจายสินค้าอาหารฮาลาลไปยังประเทศมุสลิมอื่นๆ เพราะมาเลเซียมีพรมแดนติดต่อกับไทยทางบก ทำให้การขนส่งมีความสะดวกสบาย มากไปกว่านั้น ทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียต่างก็คุ้นเคยในสินค้าของกันและกันเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การจะส่งออกสินค้าอาหารให้ผ่านมาตรฐานฮาลาลนั้น มีรายละเอียดและขั้นตอนอยู่มาก ซึ่งทาง อ.ส.ค.กำลังดำเนินการประสานงาน และผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้
คุณนพดล เสริมความเห็นเรื่องนี้ว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่น และสร้างการยอมรับเกี่ยวกับมาตรฐานอาหารฮาลาลที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างไทยกับมาเลเซีย เพราะในอนาคตประเทศนี้กำลังมีการวางแผนจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลของโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ยังไม่ใช่เป้าหมายแรกสุดของ อ.ส.ค. เพราะด้วยข้อจำกัดทางด้านวัตถุดิบ จึงให้ความสำคัญกับตลาด CLMV ก่อน หลังจากนั้นจะค่อยๆ ขยายตลาดสู่ประเทศมาเลเซียต่อไป
โคนมที่ดีนั้นจะต้องผลิตน้ำนมคุณภาพให้ได้ปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งโคนมสายพันธุ์ดีส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในแถบยุโรป แต่เมื่อนำเข้ามาเลี้ยงในแถบเอเชียมักจะเจอปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวเรื่องอากาศ และเกิดอาการเจ็บป่วยง่าย ดังนั้นจึงมีการนำโคนมสายพันธุ์ยุโรปมาผสมสายพันธุ์ร่วมกับโคนมท้องถิ่น เพื่อให้ได้พัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นในแถบเอเชีย ซึ่งองค์การส่งเสริมกิจการโคนมของไทยได้สั่งสมประสบการณ์มากว่าหลายสิบปี เกี่ยวกับการพัฒนาสายพันธุ์โคนมดังกล่าวนี้ จึงมีแผนในการเพิ่มโอกาสและบทบาทความเป็นผู้นำวงการโคนมในอนาคต ด้วยการส่งออกน้ำเชื้อแช่แข็งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม คุณนพดล มองเรื่องนี้ว่า การขยายโอกาสตลาดน้ำเชื้อโคนมจะมีความยากกว่าตลาดผลิตภัณฑ์นม เพราะวิทยาการทางด้านการพัฒนาสายพันธุ์โคนมของไทยยังไม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมากนัก ซึ่งในช่วงก่อนที่เออีซีจะเปิด ทาง อ.ส.ค.จึงมีแผนจะเข้าไปส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ได้รู้จักถึงศักยภาพที่ประเทศไทยมี โดยมีจุดหมายหลักคือในกลุ่มประเทศ CLMV
มาถึงตรงนี้คงเห็นตรงกันแล้วว่า อุตสาหกรรมโคนมของไทย น่าจะไปได้ดีในตลาดของเออีซี ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าจะเป็นอีกหนึ่งแขนงของสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพดี มีโอกาสที่ดี และยังมีคู่แข่งน้อยอยู่ เมื่อเทียบกับสินค้าเกษตรในแขนงอื่น อย่างไรก็ตามที อุตสาหกรรมโคนมในประเทศไทยจะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ต่อไปหรือไม่ เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมาถึง ก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนของคนไทย


