พระอารามหลวงพระธาตุแช่แห้งแห่ง จ.น่าน
วันนี้ผมขออนุญาตแวะพากลับมายังประเทศไทย ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ นะครับ
โดย...นพพล ชูกลิ่น
วันนี้ผมขออนุญาตแวะพากลับมายังประเทศไทย ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ นะครับ เปรียบเสมือนเดินทางกลับมาตั้งหลักที่บ้านก่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป
และก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดถึง จ.น่าน ซึ่ง จ.น่านเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและสายหมอก ประกอบด้วยพื้นที่ประมาณ 7 ล้านไร่ และเป็นพื้นที่ป่าถึง 5 ล้านไร่เศษ มีพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำประมาณ 15% ของที่ราบลุ่ม พื้นที่ จ.น่าน ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาที่ยิ่งใหญ่แห่งเขตภาคเหนือตอนบน อันได้แก่ เทือกเขาผีปันน้ำและหลวงพระบางโอบล้อม จ.น่าน ทำให้ดินแดนแห่งนี้มากมายด้วยศิลปวัฒนธรรมที่หล่อหลอมจากยอดเขาสูงลงสู่พื้นราบเมืองหนึ่งของประเทศไทย ในความรู้สึกของผมน่านมีความสวยงามทั้งในสภาพภูมิประเทศกับการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านได้ไม่แตกต่างจากเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบางเลย ชนเผ่าพื้นเพเดิมของที่นี้มีอยู่มากมาย เช่น ไทลื้อ ลาวพวนขมุ ลัวะ และเมี่ยน มีประเพณีการบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาที่ช่วยปกป้องรักษาป่าไว้ให้พวกเขา
วัดพระธาตุแช่แห้งเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านบริเวณที่เป็นศูนย์กลางเมืองน่านเดิม หลังจากที่ย้ายมาจากเมืองปัววัดพระบรมธาตุแช่แห้งสร้างในสมัยเจ้าพระยาการเมือง (เจ้าผู้ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1869 - 1902) เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์พระพิมพ์เงินและพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งที่เจ้าพระยาการเมืองเสด็จไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย (วัดป่ามะม่วง จ.สุโขทัย ในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ. 1897 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆังรูปแบบของพระธาตุแช่แห้งสันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชยความสูงขององค์พระธาตุสูงถึง 55.5 เมตร วางอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสความกว้างด้านละ 22.5 เมตรลักษณะเจดีย์ทรงระฆัง ส่วนฐานทำเป็นฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ รองรับฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้า กระดานสี่เหลี่ยมและแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น องค์ระฆังมีขนาดเล็กบัลลังก์ทำเป็นแท่นสี่เหลี่ยมย่อเก็จฐานหน้ากระดานกลมเป็นกระดานสี่เหลี่ยมและแปดเหลี่ยม และชั้นบัวคว่ำเหนือฐานแปดเหลี่ยม ตกแต่งคล้ายกลีบบัวหรือลายใบไม้และมีเจดีย์ขนาดเล็ก 4 องค์อยู่ที่ฐาน และยังมีที่มุมอีก 4 องค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่แปลกกว่าพระธาตุเจดีย์องค์อื่น ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนกระดูกข้อมือซ้าย บรรจุรวมกับพระเกศา โดยรอบองค์บุด้วยทองจังโก (ทองดอกบวบ ทองเหลืองผสมทองแดง) ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค 8 หัว พันเกี่ยวกันซึ่งเป็นความเชื่อของคนล้านนาว่าพญานาคจะปกป้องพระพุทธศาสนาหน้าบันเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ที่ใช้ปรัชญาทางพระพุทธศาสนา อันได้แก่ เช่น กฎไตรลักษณ์ คือ เกิด ตั้ง อยู่ และดับไป หรือศีล สมาธิ ปัญญา หรือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน
พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่าหากได้เดินทางไป “ชุธาตุ” หรือนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุแช่แห้งได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00 - 18.00 น.
ผมมีโอกาสได้ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้ โดยไปกับทริปถ่ายภาพของสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องขอขอบคุณสมาคมไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลยครับ ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมานมัสการสถานที่อันสวยงามและน่าศรัทธาเลื่อมใสขนาดนี้ ผมได้มีโอกาสได้ชมการฟ้อนรำที่เป็นวัฒนธรรมดั่งเดิมเรียกว่าฟ้อนหงาย ช่างเป็นการรำที่มีความอ่อนช้อยและผู้รำต้องผ่านการฝึกฝนที่ไม่ใช่แค่ความงามของการร่ายรำแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความแข็งแกร่งของร่างกายร่วมอยู่ในการแสดงด้วย และที่สำคัญท่านไม่สามารถหาชมที่ไหนได้นอกจากมาที่ จ.น่าน เท่านั้น
อาหารการกินของที่นี้ อยากบอกกับทุกท่านว่า อาหารเหนือดั้งเดิมไม่ใช่มีอยู่เฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ เท่านั้นนะครับ แต่ที่ผมชอบมากกว่าจะเป็นรสชาติน้ำพริกที่จัดจ้านกับความสดของเหล่าผักพื้นบ้านที่ต้องมารับประทานที่นี้เท่านั้น การมาเที่ยว จ.น่าน ในทุกๆ ครั้งมักจะเป็นการเดินทางที่ได้ค้นหาความมหัศจรรย์ของดินแดนแห่งความสมบรูณ์ของผืนป่าผู้คน ศาสนา วัฒนธรรม ของชาวเหนือที่ผมคิดว่ามีเสน่ห์กว่าที่ใดๆ ผมเคยได้ยินศิลปินแห่งชาติด้านการถ่ายภาพบอกกับผมว่า ถ้าต้องการถ่ายภาพในเชิงวัฒนธรรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ให้มาที่เมืองน่านแล้วคุณจะค้นพบความงดงาม เมื่อไม่นานผมได้เห็นนายธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งไปเปิดโรงแรมที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่โต ทั้งๆ ที่สามารถเปิดให้ใหญ่กว่านั้นก็ได้และที่สำคัญผมได้ฟังบทสัมภาษณ์สิ่งที่ท่านอยากทำ คือการได้มาอยู่เมืองน่านแล้วตื่นมาในตอนเช้าขี่จักรยานไปตลาดสดเพื่อจ่ายกับข้าวในตอนเช้าผมนับถือจริงๆ ครับกับความคิดของท่าน เอาไว้ถ้าผมมีโอกาสจะพาไปเที่ยวน่านในแง่มุมอื่นๆ มาเที่ยวเมืองน่านกันเถอะครับ


