35 ปีแห่งการรอคอย เหรียญทองโอลิมปิก ที่กลับมาหา รอย โจนส์ จูเนียร์

เมื่อความยุติธรรมใช้เวลากว่าสามทศวรรษ จึงจะมาเคาะประตูเรียกหา รอย โจนส์ จูเนียร์ ยอดมวยผู้ประสบความสำเร็จมากมาย ได้สิ่งที่กลับมาเติมเต็มชีวิตนักกีฬา คืน"เหรียญทองโอลิมปิก"ที่รอมานาน 35 ปี  

นักมวยในตำนานผู้ถูกปล้นชัยชนะที่โซล 1988 ได้รับสิ่งที่สมควรในที่สุด จากมือของคู่แข่งที่ไม่เคยนอนหลับตาลงได้เต็มตื่นสักครั้งหลังได้เหรียญทองนั้นไป
 

35 ปีแห่งการรอคอย: เหรียญทองโอลิมปิกที่กลับมาหา รอย โจนส์ จูเนียร์เมื่อความยุติธรรมใช้เวลาสามทศวรรษกว่าจึงจะมาเคาะประตู

สำหรับคอมวยโลก ทุกคนย่อมรู้จัก รอย โจนส์ จูเนียร์ ยอดมวยสหรัฐ อเมริกาเป็นอย่างดี เขาได้รับฉายาเป็น King แห่งวงการมวยโลกเมื่อได้แชมป์โลกทุ่นรุ่นอายุตั้งแต่มิดเดิลเวท จนได้เฮฟวี่เวท 

ล่าสุดยอดกำปั้นระดับตำนานชาวอเมริกัน โพสต์คลิปวีดีโอลงช่อง Youtube ของตัวเอง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025  เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่โลกควรได้รู้ ว่าเขาได้เหรียญทองโอลิมปิก 1988 ที่มันควรจะเป็นของเขา กลับคืนมาแล้ว และคนที่เอาเหรียญทองนี้มาให้เขา ก็คือ พัค ซี ฮุน อดีตนักชกทีมชาติเกาหลีใต้ และเป็นคนที่พรากเหรียญทองมวยโอลิมปิกเหรียญนี้ไปจาก รอย โจนส์ จูเนียร์ เมื่อ 35 ปีที่แล้วนั่นเอง

เมื่อชัยชนะไม่ใช่แค่เงินทอง

ในโลกแห่งกีฬาที่ต่อยอดสู่ความเป็นเลิศในระดับอาชีพ มีทั้งความสำเร็จและอาจจะล้มเหลว

แต่มีเรื่องหนึ่งที่พิสูจน์ได้ว่าบางอย่างมีค่ามากกว่าเงินล้านหรือชื่อเสียงโด่งดัง นั่นคือ เหรียญโอลิมปิกเกมส์ นี่คือสุดยอดแห่งชัยชนะของนักกีฬาที่ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะสัมผัสถึงเหรียญทอง

และนี่คือเรื่องราวของ รอย โจนส์ จูเนียร์ นักมวยในตำนานผู้ซึ่งได้รับความยุติธรรมที่รอคอยมานาน 35 ปี

โจนส์เป็นหนึ่งในนักมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาคว้าแชมป์โลกใน 4 รุ่นน้ำหนัก สร้างรายได้หลักสิบล้านดอลลาร์จากการชกมวยอาชีพ และได้รับการยกย่องว่าเป็น "นักชกยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ 1990" แต่ท่ามกลางความรุ่งโรจน์เหล่านี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขารอคอยอยู่เสมอ นั่นคือเหรียญทองโอลิมปิกที่เขาควรจะได้รับตั้งแต่ปี 1988

วินาทีแห่งความอยุติธรรม: โซล 1988

ย้อนไปในรอบชิงชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ วันนั้นเป็นวันที่โลกต้องจารึกในประวัติศาสตร์วงการมวยและวงการกีฬาว่า เป็นหนึ่งในวันที่อื้อฉาวที่สุดของประวัติศาสตร์มวยโอลิมปิก

รอย โจนส์ จูเนียร์ วัย 19 ปี ก้าวขึ้นสู่เวทีชิงชนะเลิศรุ่นไลท์มิดเดิลเวท คู่ต่อสู้คือ พัค ชี-ฮุน นักชกเกาหลีใต้เจ้าถิ่น

ตลอดการชกนั้น ทุกสายตาผ่านเนื้อตากว่าร้อยล้านคู่ของคนทั่วโลก ที่ดูการถ่ายทอดสด ไม่มีข้อสงสัยใด ๆกับการชกของยอดมยอัจฉริยะชาวอเมริกัน เมื่อโจนส์ออกหมัดได้ 86 ครั้ง

ขณะที่พัคทำได้เพียง 32 ครั้ง โจนส์ยังส่ง"พัค"ลงไปกองและได้นับ 8 ในยกที่สอง

ตลอด 3 ยกของการแข่งขัน ทุกสายตาที่เฝ้ามองต่างเห็นพ้องว่าโจนส์เหนือกว่าอย่างชัดเจน

แต่เมื่อผลการตัดสินประกาศออกมา ผลการแข่งขันกลับค้านสายตาเมื่อ พัค ชี-ฮุน ได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะด้วยคะแนน 3-2 เสียงจากกรรมการตัดสิน

แม้แต่ผู้ชนะอย่าง "พัค" ยังออกอาการตะลึงว่าเขาชนะได้อย่างไร ก่อนที่จะทำให้ภาพของความขัดแย้งของสองชาติบางลงไปเมื่อเขา เดินไปชูแขนของโจนส์ขึ้นเพื่อยอมรับว่าอีกฝ่ายคือผู้ชนะตัวจริง

พัคได้กระซิบขอโทษโจนส์ และยอมรับว่า "เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายชนะแต่กรรมการทำให้เขาชนะ" 

ผลกระทบที่ยืดยาว : หลังจบไฟท์นัดชิง 1988 เหตุการณ์ครั้งนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของ 2 ไฟท์เตอร์อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะราชันไร้มงกุฎอย่างรอย โจนส์ จูเนียร์ หรือ พัค ชี-ฮุน

เส้นทางของ"ราชันไร้มงกุฎ"

รอย โจนส์ จูเนียร์ หันไปสู่วงการมวยอาชีพและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาสร้างชื่อด้วยการเป็นแชมป์โลกทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นมิดเดิลเวทจนถึงรุ่นเฮฟวี่เวท จนได้ฉากยา จักรพรรดิ์แห่งมวยโลก 

รอย โจนส์ ได้รับค่าตัวสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการชกกับ จอห์น รูอิซ นั่นแค่ไฟท์เดียว ซึ่งตลอดอาชีพการชกมวยเขามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ กว่าเกือบ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่ท่ามกลางความมั่งคั่งและชื่อเสียงเหล่านี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกว่าขาดหายไป และไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกได้เลย นั่นคือเหรียญทองโอลิมปิกที่เขาควรจะได้รับจาก "ไฟท์อัปยศ" เมื่อปี 1988 

ภาระแห่งเหรียญทอง

ตัดไปที่ผู้ชนะเจ้าของเหรียญทองอย่าง พัค ชี-ฮุน เจ้าตัวเลือกเส้นทางที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

เขาเลิกชกมวยทันทีหลังโอลิมปิก ไม่ได้หันไปชกมวยอาชีพเลยแม้แต่น้อย เหรียญทองที่ควรจะเป็นความภาคภูมิใจกลับกลายเป็นตราบาปที่ตามหลอกหลอนเขา

เขาต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากคอมวยรวมถึงคนในวงการมวยทั่วโลก สื่อสายมวยเขียนถึงและกดดันเขา 

หลายคนเรียกร้องให้พัคสละเหรียญทองและออกจากประเทศเกาหลีไป ความกดดันนี้ทำให้เขาเกิดอาการซึมเศร้ารุนแรงถึงขั้นเคยคิดฆ่าตัวตาย

พัคเคยกล่าวว่า ชีวิตเขาคงจะมีความสุขกว่านี้หากได้รับเพียงเหรียญเงินเท่านั้น

จากนั้น พัค เลือกใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะครูสอนพลศึกษา ก่อนจะกลับคืนสู่วงการมวยในฐานะโค้ชทีมชาติเกาหลีใต้

การรอคอยอันแสนทรมานยาวนาน 35 ปี

ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา หลังจบไฟท์โอลิมปิกปี 1988 โจนส์อาจจะสร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ในวงการมวยอาชีพ

แต่เหรียญทองโอลิมปิกที่หายไปยังคงเป็นเรื่องที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ในชีวิตของเขา มันเป็นเสมือนบาดแผลที่ไม่เคยหายดี แม้จะมีความสำเร็จมากมายก็ตาม

เขาได้รับรางวัล Val Barker Trophy ซึ่งมอบให้นักชกที่มีผลงานดีที่สุดในโอลิมปิกครั้งนั้น ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเขาคือผู้ที่สมควรได้รับเหรียญทอง แต่เหรียญเงินที่เขาได้รับนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสมควรได้

การเปลี่ยนแปลงระบบการตัดสินมวยโอลิมปิกที่เกิดขึ้นภายหลังเป็นส่วนหนึ่งจากผลกระทบของเหตุการณ์ครั้งนี้ กรรมการสองในสามคนที่ให้คะแนนพัคชนะถูกแบนจากวงการมวยไปตลอดชีวิต และระบบการให้คะแนนใหม่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันความอยุติธรรมแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

วินาทีแห่งการไถ่ถอน: พฤษภาคม 2023

หลังจากรอคอยมานาน 35 ปี ความยุติธรรมก็ได้มาเคาะประตูในที่สุด ในเดือนพฤษภาคม 2023 พัค ชี-ฮุน เดินทางจากเกาหลีใต้มายังยิมมวยของโจนส์ที่รัฐฟลอริดา

แน่นอนว่าการพบกันครั้งนี้อาจจะมีการเซ็ตมุมกล้องเพื่อถ่ายทำ และต่อยอดไปยังการการสร้างสารคดัของ NetFlix ทว่ามันไม่ใช่แค่การพูดคุยธรรมดา

เพราะพัคมาพร้อมกับครอบครัวและความมุ่งมั่นตั้งใจที่ชัดเจน เขากล่าวผ่านลูกชายที่เป็นล่ามว่า

"ฉันมีเหรียญทองนี้ และอยากจะมอบมันคืนให้นาย (รอย โจนส์) มันเป็นของนายโดยชอบธรรม"

เพียงประโยคเดียวทำเอา ยอดมวยที่ผ่านการกรำศึกมาหลักร้อยไฟต์เจอคู่ชกหินๆมานับครั้งไม่ถ้วนอย่าง โจนส์ถึงกับจุกอกซึ้งใจจนต้องหลั่งน้ำตา

และเมื่อพัคมอบเหรียญทองที่เขาแบกรับมาเกือบตลอดชีวิตให้กับเจ้าของที่แท้จริง พัคกล่าวอย่างเบาใจว่า

"ตอนนี้เหรียญทองนี้เป็นปัญหาของคุณแล้ว"

ชัยชนะที่แท้จริงของยอดมวยที่โลกยอมรับ

การรอคอย 35 ปีของ รอย โจนส์ จูเนียร์ ถูกปลดล็อกและได้สิ้นสุดลง เขาได้เหรียญทองที่ควรจะได้รับในที่สุดไม่ใช่ มันไม่ใช่แค่โลหะที่เลี่ยมทอง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการปิดฉากความเจ็บปวดที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน

เมื่อโยงกลับมาสู่ชีวิตจริงความยุติธรรมบางครั้งอาจมาช้า แต่เมื่อมาถึงแล้ว มันจะนำมาซึ่งการเยียวยาที่ยิ่งใหญ่ การกระทำของพัค ชี-ฮุน ไม่เพียงแต่มอบสิ่งที่ชอบธรรมคืนให้โจนส์ แต่ยังปลดปล่อยตัวเขาเองจากสิ่งที่แบกความฝันของคนเกาหลีทั้งชาติออกไปจากบ่า

ที่สุดแล้ว ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการชกมวยของ"โจนส์"อาจไม่ใช่การคว้าแชมป์โลก 4 รุ่น หรือเงินรางวัลหลายร้อยล้าน

แต่เป็นชัยชนะแห่งความจริงและความยุติธรรมที่เขาได้รับในวัยที่ร่วงโรย การรอคอย 35 ปีได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบางอย่างนั้นมีค่ามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก นั่นคือความถูกต้อง คงามยุติธรรมและการยอมรับในสิ่งที่เราสมควรได้รับ

ที่มา : CNN , boxingscene