That Fat Kid Buddy เมนูชวนว้าวจากเด็กอ้วน by KTC Culinary Collective
KTC Culinary Collective เล่ม 6 เปิดตัวอย่างงดงาม กับคอนเส็ปต์ 'Symphony of Flavors' บทเพลงแห่งความอร่อยกับร้านอาหารระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่กว่า 140 ร้าน
ไกด์บุ๊ค KTC Culinary Collective ล่าสุดปีนี้จาก KTC นับเป็นเล่มที่ 6 แล้วปกสวยแปลกตา ทว่า คือภาพของอาหารที่เรียกว่า ‘ขนมจีนซาวน้ำ’ อาหารไทยประจำฤดูร้อน ในรูปแบบของร้าน นว ไทย ควีซีน (Nawa Thai Cuisine) ถ้าไม่บอกจะไม่รู้ว่า นี่คือเมนูที่รังสรรค์ด้วยการนำปลาหมึกมาหั่นเป็นเส้นและใช้แทนขนมจีน ท็อปด้วยคาเวียร์ที่ร้านนำไปรมควันไม้ลำไยเพื่อเพิ่มมิติให้กับรสชาติ
แต่นั่นคือภาพปก เพราะข้างในยังอุดมไปด้วยร้านระดับพรีเมียมอีกมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้หมด
วันนี้ โพสต์ทูเดย์ ชวนมารีวิวอาหารแบบสบายๆ สไตล์ แคชวลไฟน์ไดนิ่ง (Casual-Fine Dining) ในบรรยากาศแบบ Home Setting นั่งทานในบ้าน เพลินๆ กับมุมนั้นมุมนี้ ไม่เน้นความหรูหรา แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเคยคุ้นแบบกันเองที่ร้าน That Fat Kid Buddy – เมนูของเด็กอ้วน แถวซอยเย็นอากาศ 2 กับ เชฟบัดดี้ – ถมธนัตถ์ หทโยดม ผู้หลงใหลในอาหารมาตั้งแต่รู้ตัวว่า มีความสุขในการทำอาหารให้เพื่อนๆ ทานตั้งแต่สมัยเรียนวิศวกรรมเครื่องกลอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
สำหรับใครที่คุ้นเคยกับอาหารแบบ "Modern Gastronomy" หรือ "Contemporary Fine Dining" ซึ่งเป็นอาหารที่เน้น เทคนิคการทำอาหารขั้นสูง การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับการประกอบอาหาร การใช้วัตถุดิบระดับพรีเมียม และการผสมผสานรสชาติที่ซับซ้อน มีการใช้องค์ประกอบของ Molecular Gastronomy เช่น โฟม, เจล, หิมะ (snow) และการบ่มแห้ง (dry aging) เพื่อสร้างมิติของรสชาติและเนื้อสัมผัส คงจะหลงรักอาหารร้านนี้ตั้งแต่คำแรก ในคอร์สเมนูวันนี้จากเด็กอ้วน มาเริ่มกันเลยด้วย Complementary ของร้านกับเฟรนซ์ฟราย เสิร์ฟมาคู่กับไอศกรีมวนิลา แยมสตรอเบอรี่ ครีมกับชีสขูด ที่เชฟภูมิใจนำเสนอ
ใครไม่เคยทานมันฝรั่งทอดดิปกับไอศกรีม อยากบอกว่าลงตัวมาก หวานมันนัวเนียกรุบกรอบเปรี้ยวฉ่ำเย็น สั้นๆ อร่อย...
ต่อกันด้วย 3 คำชวนฉงน
aka ebi, mash/foie gras dome, cranberry gel/asian lobster roll, crispy bao buns
เอบิอากะ หรือ กุ้งเอบิแดง บนเส้นหมี่ทอดกรุบๆ กับสลัดมันบด ต่อคำที่สองด้วยตับห่านบดรูปแบบฟัวกราส์โดม แดงฉ่ำๆ ด้วยเจลแครนเบอร์รี่นุ่มหนึบละมุนคำ และคำสุดท้ายโรลล็อบสเตอร์คลุกศรีราชามาโยท๊อปบนเปาอบกรอบ เริ่มต้นแบบเบาๆ ล้ำๆ ฉ่ำๆ ในรสสัมผัส
ไปต่อกันที่ chutoro kimbap, brown butter sabayon, imitate salmon skin - กิมบับชูโทโระ, ซาบายองเนย, หนังปลาแซลมอนเทียม
มันคือข้าวคลุกซอสหน้าชูโทโระ หรือส่วนท้องของปลาทูน่า ไข่หอยเม่น เสิร์ฟพร้อมซาบายอน (ซอสไข่เนื้อเนียน) ทำจากเนยสีน้ำตาล เสริมสัมผัสกรุบกริบด้วยสาหร่ายทอดกรอบ (เสมือนหนังปลาแซลมอน) จิ้มกับวาซาบิ ให้รสชาติเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มน่าตื่นเต้นขึ้นไปเรื่อยๆ กับจานต่อไป mazara spicy seafood sorbet, horseradish cream - มาเซร่าสไปซี่ซีฟู้ดซอร์เบท์, ครีมฮอร์สแรดิช กุ้งแดงมาซารา เนื้อเด้งๆ ทานกับซอร์เบท์ซีฟู้ดรสชาติจี๊ดจ๊าดกำลังดี เสริมด้วยครีมฮอร์สแรดิชที่ให้ความเผ็ดร้อนเบา ๆ
จานต่อมาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นกับ bonito cream broth ramen, hokkaido hotate, shrimp head butter หรือ ราเมงครีมปลาโอ, หอยเชลล์ฮอกไกโดและเนยมันกุ้ง ชามนี้ขอยกให้เป็นไฮไลท์ด้วยความลงตัวของรสชาติขั้นเทพและความหอมแบบอูมามิ กับราเมงหอยเชลล์ฮอกไดโดย่าง ราดด้วยซุปครีมร้อนๆ รสเข้มข้นที่ทำจากปลาโอแห้งที่เคี่ยวเป็นเวลานาน เพิ่มความจัดจ้านเข้าไปอีกด้วยการคลุกเคล้ากับเนยมันกุ้ง (จากหัวกุ้ง) ที่ให้รสอูมามิสูงสุด
จานนี้อยากบอกว่า พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เรียกว่าเป็นกลิ่นอายแบบเอเชียที่มาได้ถูกที่ถูกเวลา
ก่อนจะเดินทางข้ามโลกไปกันต่อที่ dry aged french seabream, ponzu truffle snow - ปลาซีบรีมฝรั่งเศสบ่มแห้ง (dry aged), พอนซึทรัฟเฟิลหิมะ มันคือปลาซีบรีมเนื้อดีแล่บางๆ จากฝรั่งเศสที่ผ่านการ dry aged เพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น เสิร์ฟพร้อมซอสพอนสึ-ทรัฟเฟิล ซอสหมึกดำ รสเปรี้ยวอมหวานที่อร่อยมากๆ เพิ่มความลุ่มลึกให้กับรสชาติของปลาเข้าไปอีก
กลับมาเอเชียกันต่อกับ charsui black cod, hijiki sticky rice, yellow chilli gel - ชาชูแบล็คค็อด, ข้าวเหนียวฮิจิกิ, เจลพริกเหลือง
ปลาค็อดดำหมักสไตล์ชาชู จนดูเหมือนหมูแดงก้อนโต เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวผสมสาหร่ายฮิจิกิ เพิ่มรสเผ็ดนิด ๆ ด้วยเจลจากพริกเหลือง เซอร์ไพรซ์ด้วยซอสพะโล้หอมกลิ่นทรัฟเฟิลเข้าจมูก เริ่มอิ่มเอมกันแล้วแบบพอดีๆ กับอาหารคาว ไปต่อที่อาหารหวานกันเลย
มาพร้อมกับความสนุกและความทรงจำวัยเด็ก กับ got any grape? Fanta sorbet, yoyo snow, grapes salsa - ซอร์เบท์แฟนต้าองุ่น เสริมด้วย "หิมะโยโย่" (เจลลี่รสองุ่น) และซัลซ่าจากองุ่น เมอแรงค์และ pop rocks ที่แตกยุบยิบๆในปาก เพิ่มความสดชื่นและความซับซ้อนของรสชาติ ในกลิ่นที่เราคุ้นเคย
ปิดท้ายกันด้วย Burnt honey toast Vanilla creme patissiere, hibiscus swirl ice cream - ขนมปังโทสต์ที่คาราเมลจนขอบกรอบ เสิร์ฟพร้อมครีมพาติซิแยร์วานิลลา (ครีมข้นวานิลลาแบบฝรั่งเศส) และไอศกรีมฮิบิสคัสสเวิร์ลที่มีรสเปรี้ยวหอมสดชื่นจากเบอร์รี่สด
เรียกว่าเป็นเมนูมีอิทธิพลจากอาหาร ญี่ปุ่น-ฝรั่งเศส-เอเชียโมเดิร์น ใช้วัตถุดิบหรูหราระดับพรีเมียม เช่น ฟัวกราส์, ฮอกไกโดฮอตาเตะ, ทรัฟเฟิล, ชูโทโระ และแบล็คค็อด ซึ่งล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีรสชาติอูมามิสูง
โดยรวมแล้ว เมนูเหล่านี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งที่มีรสชาติซับซ้อนมีความสนุกตื่นเต้นในการรับประทาน พร้อมโภชนาการที่สมดุลในระดับพรีเมียม
ทั้งหมดนี้มาจากการรังสรรค์รสชาติและศิลปะในการประกอบอาหารของ เชฟบัดดี้ ที่เล่าว่า มันเริ่มจากความสนุก ความสุข และความทรงจำในการทานและการทำอาหาร ทั้งจากอาหารของคุณยาย และการทดลองทำอาหารให้เพื่อนๆ ทานที่เมืองนอก ก่อนตัดสินใจเรียนในสายอาหารอย่างจริงจังในสถาบันอาหารระดับโลก หลังเรียนจบวิศวกรรมและปริญญาโทอีกใบ รวมเป็นเวลากว่าๆ 10 ปีจากการใช้ชีวิตและหาประสบการณ์จากต่างแดน
ก่อนที่จะกลับมาทำธุรกิจร้านอาหารทั้ง “Easy Buddy” และ ”ข้าวมันไก่หุง“ ที่เคยเปลี่ยนบ้านของตัวเองมาทำเป็น chef’s table จนเป็นที่รู้จัก ก่อนจะนำบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านเดิมของคุณแม่มาเปิดเป็นร้านอาหารระดับพรีเมียมอีกร้าน
ความสนุกของเด็กอ้วนยังทำให้เขาครีเอทเมนูได้อย่างไร้ขอบเขตบนพื้นฐานของความอร่อยที่ลงตัว ใครอยากลิ้มลองบอกเลยต้องมา
งานดีแบบนี้เพราะเคทีซีร่วมกับมาสเตอร์การ์ด (ประเทศไทย) เปิดตัวไกด์บุ๊ค KTC Culinary Collective เล่มที่ 6 ด้วยการคัดสรรร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่ง และแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่ง (Fine Dining & Casual Fine Dining) กว่า 140 ร้านค้าในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี มาสเตอร์การ์ด เพื่อขยายฐานสมาชิกที่มีกำลังซื้อสูงและกระตุ้นยอดใช้จ่ายในหมวดร้านอาหารพรีเมียม หลังปี 2567 อัตราการการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งและแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สิทธิพิเศษสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี มาสเตอร์การ์ด ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 มีดังนี้
- รับส่วนลดทันทีสูงสุด 10% หรือ รับสิทธิพิเศษอื่นๆ สำหรับสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เคทีซี มาสเตอร์การ์ด (KTC MASTERCARD) ทุกประเภท
- รับคะแนน KTC FOREVER สูงสุด 10 เท่า สำหรับสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เคทีซี เอ็กซ์ เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด (KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD) และบัตรเครดิตเคทีซี เวิลด์ รีวอร์ดส มาสเตอร์การ์ด (KTC WORLD REWARDS MASTERCARD) ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
สำหรับไกด์บุ๊ค KTC Culinary Collective เล่มที่ 6 ได้รวบรวมร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่ง และแคชชวลไฟน์ไดน์นิ่ง (Fine Dining & Casual Fine Dining) มากกว่า 140 ร้านค้าทั้งในกรุงเทพมหานคร เช่น ร้านชิม บาย สยามวิสดอม / โคด้า แบงค็อก / กา / ฮาโอมา / อินดี / ฤดู / เมซอง ดูนานด์ / มีอา / นว ไทย คูซีน / นุสรา / เรสเตอรองต์ โพทง / เรสเตอรองค์ เรโซแนนซ์ / อาหาร / เสน่ห์จันทร์ และในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น ร้านอัลเลโกร จังหวัดเชียงใหม่ / ร้าน คาซ่า เดอ ลาเซียน่า อัล มาเร่ จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ / แคสเทลโล ดิ เบลลาจิโอ้ จังหวัดชลบุรี และ สินธุ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเนื้อหาในไกด์บุ๊คไม่เพียงแต่นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับร้านอาหารต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดภายใต้การรังสรรค์เมนูของเชฟแต่ละท่านอีกด้วย ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดไกด์บุ๊ค KTC Culinary Collective เล่มที่ 6 ฟรีได้ตามลิงค์นี้ https://www.ktc.co.th/pub/media/newsletter/Culinary-Collective-V6.pdf


