posttoday

สีหศักดิ์ รับหยุดยิงไทย-กัมพูชายังเปราะบาง ขอเลี่ยงยั่วยุ สร้างความเข้าใจผิด

30 ธันวาคม 2568

รมว.ต่างประเทศชี้ข้อตกลงหยุดยิงยังต้องประคอง หวั่นการยั่วยุ-ถ้อยแถลงทำเกิดความเข้าใจผิด ย้ำใช้กลไกฮอตไลน์ตรวจสอบเหตุ เดินหน้าสร้างความเชื่อใจระยะยาว

KEY

POINTS

  • ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชายังคงมีความเปราะบาง โดยการหารือ 3 ฝ่ายมุ่งเน้นการทำให้การหยุดยิงมีความยั่งยืนและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
  • นายสีหศักดิ์เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเป็นการยั่วยุหรือสร้างความเข้าใจผิด เช่น การปล่อยโดรน และการใช้ถ้อยแถลงจากผู้นำที่อาจกระทบกระทั่งกัน
  • ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างบรรยากาศที่ดี เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อนำไปสู่การประชุมปักปันเขตแดน (JBC) ซึ่งยังไม่สามารถจัดได้ทันทีเนื่องจากติดขั้นตอนของรัฐบาลรักษาการ

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือ 3 ฝ่ายกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่เมืองยวี่ซี มณฑลยูนนานของจีน ว่า เป็นการประชุมระหว่างไทยและกัมพูชา โดยมีจีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งผลการประชุมก็ออกมาตามที่มีการแถลงข่าว ตนอยากจะย้ำว่าการประชุมครั้งนี้ เรามุ่งที่จะให้การหยุดยิงที่ตกลงกัน เป็นการหยุดยิงที่ยั่งยืน และนำไปสู่การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน หลังจากนั้นก็จะดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร 

ซึ่งช่วงนี้ก็ยังถือว่ามีความเปราะบางอยู่ เพราะฉะนั้นก็ควรจะหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่จะเป็นการยั่วยุ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบั่นทอนการหยุดยิง เช่น การปล่อยโดรน ก็ต้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และในส่วนของถ้อยแถลงจากระดับผู้นำก็ต้องระมัดระวัง อย่างที่นายกรัฐมนตรี ฮุนมาเนตออกมาพูดว่า การหยุดยิง ไม่ใช่หมายความว่าฝ่ายกัมพูชาแพ้ นี่ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เพราะก็ต้องถามกลับว่าใครเป็นฝ่ายขอหยุดยิง แต่ตนก็คิดว่าถ้าจะให้ดี คือเราควรจะก้าวข้ามไปแล้ว มาทำให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน สร้างความไว้เนื้อเชื่อเชื่อใจระหว่างกันดีกว่า 

มื่อถามว่าการที่มีโดรนเข้ามาฝั่งไทยและการที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด จะกระทบต่อข้อตกลงหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูว่าทุ่นระเบิดเก่าหรือใหม่ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่หารือกันใน GBC คือการมีฮอตไลน์ที่สามารถตรวจสอบได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ  เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนประเด็นหนึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายกัมพูชาเหมือนอยากจะเร่งรัดการประชุม JBC ที่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนก็ต้องรอให้ผลประชุม GBC เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีก่อน และในช่วงรัฐบาลรักษาการก็ต้องขออานัติจากครม. เพราะข้อตกลงจะต้องผูกพันไปถึงรัฐบาลใหม่ จึงต้องมาดูข้อกฎหมายว่าการประชุม JBC จะประชุมได้ช่วงไหนอย่างไร ทำให้ไม่สามารถจัดประชุมได้ทันที ไม่ได้เป็นการประวิงเวลา แต่มันมีขั้นตอนอยู่ 

เมื่อถามถึงความชัดเจนของการปล่อยตัวทหารกัมพูชา ก็ตามที่พูดกันไว้ ก็อาจจะปล่อยหากภายในช่วง 72 ชั่วโมงมีการหยุดยิงได้จริง นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า อยากให้เดินหน้า สิ่งที่เราพูดกันไว้ ก็ต้องรักษาคำพูด เพราะยังมีความเปราะบางอยู่ ส่วนทางการทูต ก็ถือว่าคุยกันได้อยู่แล้ว ยิ่งขณะนี้ถ้ามีเหตุการณ์อะไร ก็ต้องพูดคุยกันรวมถึงฝ่ายทหารเองก็ต้องคุยกัน เพื่อให้เป็นการหยุดยิงอย่างยั่งยืน
 

สำหรับการประเมินฉากทัศน์หลังจากนี้ คือเมื่อผ่านช่วง 72 ชั่วโมง โดยไม่มีเหตุการณ์อะไร ขั้นต่อไปก็เดินหน้าในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ยั่วยุตามชายแดน และเรื่องสำคัญเรื่องที่สอง คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะการประชุม JBC จะเกิดขึ้นได้ ในพื้นที่ต้องมีความปลอดภัยด้วยเพราะต้องมีการสำรวจหลักเขต เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศที่ดี ก็คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ส่วนกรณีที่ทางสมเด็จฮุนเซน เหมือนจะไม่ยอมรับในการที่ไทยสามารถครองดินแดนและปักธงชาติได้ นายสีหศักดิ์ ระบุว่า บริบทตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การประชุม JBC จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ต้องพิจารณาสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร จะทบทวนMOU 43 หรือไม่

สำหรับชาวบ้านที่ชายแดนสระแก้ว ที่ยังไม่ค่อยเชื่อมั่น ว่าทางกัมพูชาจะไว้ใจได้หรือไม่ นายสีหศักดิ์ ฝากไปถึงชาวบ้านตามแนวชายแดนสระแก้วว่า การหยุดยิงเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และความมั่นคงชายแดน ตนอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคารพการหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชาก็สูญเสียพอสมควร ประชาชนของเขาก็อยากจะกลับสู่พื้นที่ เพราะฉะนั้นมันมีผลประโยชน์ร่วมกันที่จะทำให้เกิดการหยุดยิงได้อย่างถาวร ส่วนประเด็นปัญหาอื่นก็ควรสามารถพูดคุยกันได้ในฐานะประเทศเพื่อน

ข่าวล่าสุด

5 เทคนิคกระจายความเสี่ยง ปรับพอร์ตให้แกร่ง เพิ่มผลตอบแทน