หมอพรทิพย์ชำแหละรัฐล้มเหลวน้ำท่วมใต้145ศพต้องชันสูตรทุกเคส

อุทกภัยภาคใต้ปี 2568 ผลักประเทศไทยสู่บททดสอบครั้งใหญ่ เมื่อยอดผู้เสียชีวิตพุ่งแตะ 145 ราย เฉพาะที่สงขลาถึง 110 ราย ตัวเลขที่สะท้อนความเสียหายรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

พร้อมเสียงเตือนเชิงโครงสร้างจากแพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่เทียบชัดว่า “20 ปีผ่านไป ระบบรับมือวิกฤตของรัฐยังไม่พัฒนาไปจากสึนามิ”

 รัฐล่าช้า–ไม่มีศูนย์สั่งการกลาง ปัญหาเดิมซ้ำอีกครั้ง 

แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะเกิดขึ้นเป็นวงจรทุกปี แต่การสั่งการยังสะท้อน “ความไม่พร้อม” อย่างหนัก ข้อมูลที่ควรใช้ร่วมกันถูกกักไว้ในหน่วยงานต่าง ๆ จน Big Data ไม่ทำงานจริง ขณะเดียวกันรัฐบาลยังแบ่งรองนายกฯ ดูแลแยกจังหวัดซ้ำรอยปัญหายุคสึนามิ ทำให้การประสานงาน “ข้ามกระทรวง–ข้ามกรม” ติดขัดอย่างรุนแรง

คำเตือนภัยที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์: เหตุชาวบ้านไม่รู้ตัวก่อนน้ำมา 

หมอพรทิพย์ชี้ว่าการสื่อสารของรัฐยังใช้ภาษาวิชาการ เช่น “ฝน 100–600 มม.” โดยไม่บอกความหมายต่อชีวิตจริง ประชาชนจึงไม่รู้ว่าต้องอพยพหรือเตรียมตัวอย่างไร ทั้งที่หาดใหญ่เป็น “แอ่งกระทะ” รับน้ำจากทุกทิศ แต่ไม่มีระบบเตือนภัยเชิงรุกให้คนเข้าใจพื้นที่ตัวเอง
 

การชันสูตรศพ—the last chance for justice 

ต่างจากยุคสึนามิ ปัจจุบันไทยมีแพทย์นิติเวชมากขึ้น แต่การจัดระบบยังไร้หน่วยงานกลาง หมอพรทิพย์เน้นว่า“ทุกศพต้องชันสูตร” เพราะมีผลต่อ

• การพิสูจน์สาเหตุแท้จริง เช่น ไฟดูด ผู้ป่วยล้างไตไม่ได้ ไม่ใช่แค่จมน้ำ
• ประกันชีวิตจะจ่ายหรือไม่
• การฟ้องร้องรัฐในกรณีรัฐช่วยไม่ทัน
• การกันสวมสิทธิ์เคลมศพน้ำท่วม

นี่คือการ “คืนความจริงให้คนตาย” และเป็นฐานข้อมูลติดตามผู้สูญหายอย่างจำเป็น

บทเรียนใหญ่: ประเทศไทยต้องการระบบรับมือวิกฤตใหม่ทั้งชุด

ข้อเสนอสำคัญของหมอพรทิพย์ชัดเจน ไทยต้องมี

• ศูนย์บัญชาการกลางจริง ไม่ใช่ระบบแบ่งจังหวัด
•  Big Data เปิดแชร์และใช้งานได้
• แผนภัยพิบัติ 4 เฟส ที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่เอกสาร
• การสื่อสารภาษาคน ไม่ใช่ภาษาวิชาการ
• ระบบนิติเวชกลางของกระทรวงสาธารณสุข

จากสึนามิปี 2547 ถึงอุทกภัยหาดใหญ่ 2568 คำถามใหญ่ยังคงเดิม—ประเทศไทยพร้อมแค่ไหนกับวิกฤตครั้งต่อไป?

ที่มา:รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง