ไทย–กัมพูชาเริ่มถอนอาวุธหนัก 3 ระยะ สร้างเสถียรภาพชายแดน
ผลประชุม RBC ไทย–กัมพูชา เห็นชอบถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง 3 ระยะ เริ่ม 1–21 พ.ย. 2568 ภายใต้การสังเกตการณ์ของอาเซียน เสริมความเชื่อมั่น–ลดความตึงเครียดชายแดน
KEY
POINTS
- เห็นชอบถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง 3 ระยะ รวม พ.ย.–ธ.ค. 2568
- ขั้นแรกเริ่ม 1–21 พ.ย. ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะ AOT จากอาเซียน
- หากฝ่ายใดปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูลอาวุธ ถือเป็น “ไม่จริงใจ” ต่อความสัมพันธ์
ที่จังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยพิเศษ ว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง ระหว่างภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา และกองทัพภาคที่ 2 ของไทย โดยมี พลโทโปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 และ พลโทวีระยุทธ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมเป็นประธาน พร้อมคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จากทั้งสองประเทศเข้าร่วม
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย–กัมพูชา เมื่อ 23 ตุลาคม 2568 และถ้อยแถลงร่วมในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งผู้นำไทย กัมพูชา มาเลเซีย และสหรัฐฯ ร่วมลงนาม เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ความไว้วางใจ และการบริหารจัดการกำลังทางทหารอย่างมีความรับผิดชอบ
ทั้งสองฝ่ายตกลงดำเนินการถอนอาวุธหนักแบบเป็นระยะ (Phased Removal) รวม 3 ประเภท ได้แก่
ประเภท A: ระบบจรวดหลายลำกล้อง
ประเภท B: ระบบปืนใหญ่ทุกชนิด
ประเภท C: รถหุ้มเกราะและรถถัง
ระยะที่ 1 เริ่มถอนอาวุธประเภท A ระหว่างวันที่ 1–21 พฤศจิกายน 2568
ระยะที่ 2 ถอนอาวุธประเภท B ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน–12 ธันวาคม 2568
ระยะที่ 3 ถอนอาวุธประเภท C ระหว่างวันที่ 13–31 ธันวาคม 2568
ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การตรวจสอบของคณะผู้สังเกตการณ์ AOT เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งสองฝ่ายยืนยันเจตนารมณ์ที่จะปฏิบัติตามผลการประชุม GBC และหลักการที่ได้ลงนามไว้ร่วมกันอย่างเคร่งครัด พร้อมตกลงเผยแพร่รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะ และย้ำว่าหากฝ่ายใดปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูลจำนวนหรือประเภทของอาวุธ ถือเป็นการแสดงถึง “ความไม่จริงใจ” ในการฟื้นฟูเสถียรภาพและความสัมพันธ์อันดี
กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนตั้งอยู่บนพื้นฐานของอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน โดยมุ่งสร้างสันติภาพและความร่วมมืออย่างยั่งยืนตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา.


