posttoday

เตือนภัย! ขุดแร่หายาก กระบวนการไร้มาตรฐาน เสี่ยงมลพิษรุนแรง

27 ตุลาคม 2568

ดร.สนธิ คชวัฒน์ เตือนภัยการขุดแร่หายากแบบไร้มาตรฐาน เสี่ยงปนเปื้อนสารเคมีและกัมมันตรังสี ทำลายดิน น้ำ อากาศ กระทบสุขภาพชุมชนและระบบนิเวศรุนแรง

KEY

POINTS

  • การขุดแร่หายากในไทยจำนวนมากเป็นการขุดแบบชาวบ้านที่ขาดมาตรฐานและการกำกับดูแล ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดปัญหมลพิษรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม
  • กระบวนการสกัดแร่หายากใช้สารเคมีอันตราย ทำให้เกิดของเสียที่เป็นพิษปริมาณมหาศาล ทั้งน้ำเสียปนเปื้อนโลหะหนัก กากแร่กัมมันตรังสี และฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
  • ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการควบคุมที่รัดกุม บังคับให้ทุกโครงการต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA/HIA) และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเพื่อป้องกันความเสียหายในระยะยาว

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Sonthi Kotchawat เตือนถึง “ผลกระทบสิ่งแวดล้อมมหาศาลจากการขุดแร่หายากแบบไร้มาตรฐาน” โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ปี 2567 ซึ่งระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับ 4 ของโลกในการผลิตแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) แม้ยังไม่มีการทำเหมืองเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ แต่มีการขุดหาแบบชาวบ้านในบางพื้นที่ ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงหากไม่มีการกำกับดูแล

 

ดร.สนธิระบุว่า แร่หายากของไทยส่วนใหญ่พบในหินแกรนิต ชั้นดินผุพัง และสายแร่ที่เกี่ยวข้องกับดีบุกและทังสเตน โดยจังหวัดที่มีศักยภาพสูงได้แก่ ภาคเหนือ เช่น เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ภาคตะวันตกอย่างอุทัยธานีและกาญจนบุรี รวมถึงภาคใต้ในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี อย่างไรก็ตาม พื้นที่เหล่านี้ยังไม่มีระบบควบคุมมาตรฐานการทำเหมืองที่รัดกุม ชาวบ้านบางกลุ่มเริ่มขุดหาด้วยตนเอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดมลพิษรุนแรงต่อดิน น้ำ และอากาศโดยไม่รู้ตัว

 

เตือนภัย! ขุดแร่หายาก กระบวนการไร้มาตรฐาน เสี่ยงมลพิษรุนแรง

 

ทั้งนี้ แร่หายากเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์สำคัญของโลก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ กังหันลม และชิปอิเล็กทรอนิกส์ แต่กระบวนการสกัดกลับเต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการใช้สารเคมีเข้มข้น เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตในการชะล้างโลหะออกจากชั้นหิน กระบวนการนี้ทำให้เกิดน้ำเสียที่ปนเปื้อนโลหะหนักและสารพิษ หากไม่มีระบบบำบัดที่ดี น้ำเสียเหล่านี้จะไหลลงสู่แม่น้ำหรือน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดการปนเปื้อนในระบบนิเวศและอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนในระยะยาว

 

รายงานของสำนักข่าวสิ่งแวดล้อมต่างประเทศ เช่น Yale Environment 360 และ Harvard International Review ยืนยันว่า การผลิตแร่หายาก 1 ตัน สามารถก่อให้เกิดน้ำเสียมากกว่า 75 ลูกบาศก์เมตร และของเสียกัมมันตรังสีถึง 1 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงขนาดของผลกระทบที่เกิดขึ้นหากไม่มีระบบจัดการที่ดี กรณีของจีนเป็นตัวอย่างชัดเจน—ประเทศที่เคยเป็นผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ของโลกต้องเผชิญวิกฤตสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองที่ไร้การควบคุม ส่งผลให้พื้นที่รอบเหมืองหลายแห่งไม่สามารถใช้ทำการเกษตรหรืออยู่อาศัยได้อีก

 

เตือนภัย! ขุดแร่หายาก กระบวนการไร้มาตรฐาน เสี่ยงมลพิษรุนแรง

 

ดร.สนธิอธิบายเพิ่มเติมว่า กระบวนการสกัดแร่หายากยังสร้างปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองและสารเคมีที่ระเหยออกมาในขั้นตอนการบดและเผาแร่ ฝุ่นเหล่านี้อาจมีโลหะหนักและสารกัมมันตรังสีเจือปน ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง นอกจากนี้ การปนเปื้อนของโลหะหนักอย่างตะกั่วและแคดเมียมในแหล่งน้ำยังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศโดยรวม

 

และเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยซ้ำรอยกับประเทศอื่น ดร.สนธิเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ เช่น กรมทรัพยากรธรณี และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ เร่งกำหนดแนวทางการทำเหมืองแร่หายากที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และวางมาตรการควบคุมที่รัดกุม ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจ การขุด การจัดเก็บตะกอนหางแร่ ไปจนถึงการบำบัดน้ำเสียและการฟื้นฟูพื้นที่หลังเหมือง นอกจากนี้ เขายังเสนอให้ทุกโครงการไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA) เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างรอบด้าน4

 

เตือนภัย! ขุดแร่หายาก กระบวนการไร้มาตรฐาน เสี่ยงมลพิษรุนแรง

 

อีกประเด็นสำคัญคือ “การมีส่วนร่วมของประชาชน” ดร.สนธิเน้นว่าชุมชนในพื้นที่ต้องมีสิทธิเข้าร่วมตัดสินใจว่าจะยินยอมหรือไม่ให้มีการทำเหมืองในพื้นที่ของตน การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน

 

ในมุมมองของนักวิชาการสิ่งแวดล้อม การขุดแร่หายากอาจเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของ “ความรับผิดชอบ” เพราะหากละเลยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบที่ตามมาอาจรุนแรงและยาวนานเกินกว่าประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับ ดร.สนธิเตือนว่า “การขุดแร่หายากไม่ใช่เรื่องผิด หากทำอย่างถูกวิธี มีระบบจัดการน้ำเสีย กากแร่ และมลพิษทางอากาศที่ได้มาตรฐาน พร้อมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ นั่นจึงจะเรียกว่าเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

 

ท้ายที่สุด บทเรียนจากประเทศต่าง ๆ ชี้ให้เห็นแล้วว่า การทำเหมืองแร่หายากโดยไร้มาตรฐานอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน และความเชื่อมั่นในภาครัฐ การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าและการสร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส จึงเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายากได้โดยไม่ต้องแลกมาด้วย “มลพิษมหาศาล” ที่ยากจะแก้ไขในอนาคต

ข่าวล่าสุด

Wingstop ไก่ทอดจากอเมริกา แลนดิ้งไทยแลนด์ ‘เนม ปราการ’ ขึ้นแท่นผู้บริหาร