ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัด "ทุ่นระเบิด" ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นของใหม่
เจาะปมร้อนชายแดน ผู้เชี่ยวชาญ 4 รายฟันธง "ทุ่นระเบิด PMN-2" ชนวนเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เป็นของใหม่เอี่ยม เพิ่งนำมาฝังได้ไม่นาน
KEY
POINTS
- เหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อ 16 ก.ค. กลายเป็นชนวนเหตุปะทะเดือดนาน 5 วัน
- ผู้เชี่ยวชาญอิสระ 4 ราย วิเคราะห์ภาพถ่ายหลักฐาน ชี้ชัดเป็นทุ่นระเบิดรุ่น PMN-2 "สภาพใหม่" เพิ่งถูกนำมาติดตั้งได้ไม่นาน
- ฝ่ายไทยยืนยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ ขณะที่กัมพูชาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
- นานาชาติจับตา ท่าทีของสองประเทศต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อให้เกิดประเด็นพิพาททางการทูตครั้งใหม่
ต่อกรณี "ทุ่นระเบิด รุ่น PMN-2" ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ร้ายแรงจากยุคโซเวียต ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างให้สัตยาบันว่าจะไม่นำกลับมาใช้อีก
ทางการไทยได้กล่าวหากัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักลอบนำทุ่นระเบิดรุ่นดังกล่าวมาวางตามแนวชายแดน โดยระบุว่านับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากทุ่นระเบิด PMN-2 แล้วอย่างน้อย 6 นาย
อย่างไรก็ตาม ทางการกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้แจงว่าทหารไทยอาจเหยียบเข้ากับยุทโธปกรณ์เก่าที่ยังคงตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งทำให้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดรุนแรงที่สุดในโลก พร้อมทั้งย้ำจุดยืนของประเทศในฐานะผู้รณรงค์ต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดในเวทีโลก
หลักฐานในมือไทย กับเสียงจากผู้เชี่ยวชาญ
กองทัพไทยได้เปิดเผยหลักฐานสำคัญต่อสำนักข่าว Reuters ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอที่บันทึกไว้ระหว่างปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด PMN-2 ในจุดเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม และวันที่ 23 กรกฎาคม รวมถึงภาพสะเก็ดชิ้นส่วนและทุ่นระเบิดสภาพสมบูรณ์อีกหลายสิบลูกที่เก็บกู้มาได้
สำนักข่าว Reuters ได้นำหลักฐานภาพถ่ายดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดอิสระ 4 คน ร่วมกันประเมิน และทั้งหมดได้ลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
ทุ่นระเบิดในภาพมีสภาพใหม่มาก เหมือนเพิ่งถูกฝังลงในดินได้ไม่นาน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้นำทุ่นระเบิดมาวาง
Andrew Vian Smith ผู้เชี่ยวชาญอิสระจากสหราชอาณาจักรและมีประสบการณ์ทำงานในกัมพูชา อธิบายถึงข้อสังเกตสำคัญว่า
"ทุ่นระเบิด PMN-2 รุ่นเก่าที่ฝังมานาน ตัวเรือนพลาสติกจะเริ่มเปราะ และแผ่นยางจะหมองคล้ำ มีดินอุดตันตามร่อง แต่ทุ่นระเบิดที่ผมเห็นในภาพนั้นอยู่ในสภาพที่แทบไม่มีร่องรอยความเก่าเลย"
สอดคล้องกับความเห็นของ Yeshua Moser-Puangsuwan จากองค์กร Landmine Monitor ที่ชี้ว่า
"โดยปกติ ทุ่นระเบิดที่ฝังมานานจะมีรากไม้หรือพืชเล็กๆ ปกคลุม ซึ่งไม่ปรากฏในภาพหลักฐานชุดนี้"
ข้อโต้แย้งจากฝั่งกัมพูชา
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะให้น้ำหนัก "ทุ่นระเบิด" ชนวนเหตุปะทะไทย-กัมพูชา เป็นของใหม่เพิ่งนำมาฝัง
แต่ Ly Thuch รองประธานหน่วยงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา (CMAA) ได้โต้แย้งว่า ลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสรุปอายุทุ่นระเบิดได้
"ปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือการกัดเซาะของดิน ก็อาจทำให้ทุ่นระเบิดเก่าที่ถูกฝังอยู่ปรากฎออกมาในสภาพที่ดูเหมือนใหม่ได้"
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าคำอธิบายดังกล่าวยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอ เพราะปัจจัยทางธรรมชาติไม่น่าจะสามารถ "ทำความสะอาด" ทุ่นระเบิดจนดูใหม่เอี่ยมและฝังกลบตัวเองกลับไปอย่างเรียบร้อยได้
นอกจากนี้ หน่วยงานปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแห่งกัมพูชา (CMAA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่กำกับดูแลกิจกรรมการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แจ้งต่อ Reuters ว่า
การจะสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องมีการสืบสวนโดยบุคคลที่สามอย่างเป็นกลาง และยืนยันว่ากองทัพกัมพูชาไม่มีคลังเก็บทุ่นระเบิด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยต้องใช้ช่องทางทางการทูตผ่าน "อนุสัญญาออตตาวา" ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพื่อกดดันให้กัมพูชาออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง
โดยได้ยื่นเรื่องถึงเลขาธิการสหประชาชาติให้เข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบตามกลไกของสนธิสัญญา
ขณะนี้ นานาชาติกำลังจับตามองท่าทีของทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะหากพิสูจน์ได้ว่ามีการนำทุ่นระเบิดสังหารบุคคลกลับมาใช้จริง
จะถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อความพยายามสร้างสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดนที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษ


