จะจบตรงไหน? เส้นทาง"บิ๊กโจ๊ก"ทวงคืนความเป็นธรรม หลังคำสั่งไล่ออก
ย้อนเส้นทาง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตตำรวจดาวรุ่ง เจ้าของฉายาแมว 9 ชีวิต เดินหน้าทวงความยุติธรรม หลังคำสั่งไล่ออก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ชื่อนี้เคยถูกจับตาในฐานะนายตำรวจดาวรุ่ง ผู้สร้างผลงานด้านปราบปรามอาชญากรรมมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้การเลื่อนตำแหน่งเป็นไปย่างก้าวกระโดด
ทว่า ยิ่งสูงยิ่งอันตราย บิ๊กโจ๊ก เผชิญกับการตรวจสอบและถูกกล่าวอ้างถึงการพัวพันในคดีต่างๆหลายครั้ง แต่ก็ยังรอดมาได้จนทำให้ได้ฉายาแมว 9 ชีวิต กระทั่งการเปลี่ยนแปลงในองค์กรมาถึงทำให้เส้นทางชีวิตราชการของเขาพลิกผันอย่างไม่คาดคิด
จากรองผบ.ตร.สู่คำสั่งให้ออกจากราชการงดบำเน็จบำนาญ จนกลายเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายยืดยาวที่ตอนจบยังไม่ถูกเขียน
หลังคำสั่งให้ออกจากราชการเมื่อปี 2567 “บิ๊กโจ๊ก” ยังคงเดินหน้าในเส้นทางใหม่ในฐานะพลเรือน ด้วยการยื่นอุทธรณ์ ฟ้องร้อง และร้องเรียนผ่านหลายช่องทาง ทั้งศาลปกครอง ศาลอาญาคดีทุจริต รวมถึงคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร
สดๆร้อนๆ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊กยื่นหนังสือถึงนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบและพิจารณากรณีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.มีการใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้อง
คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
วันที่ 20 มีนาคม 2567 สำนักนายกรัฐมนตรีออกประกาศเรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ผลคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และพวกรวม 5 นาย ถูก ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอผลสอบวินัย
กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน”
การสอบสวนและมติไล่ออกจากราชการ
ระหว่างปี 2567 มีการสอบสวนกรณีเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ ทั้งเรื่องการจัดให้มีการพนันออนไลน์ การโฆษณา และการรับผลประโยชน์จากเว็บพนัน
16 ธ.ค. 2567 : ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยเห็นว่าคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ชอบด้วยกฎหมาย” จึงไม่ระงับการบังคับได้
7 มี.ค.2568 : คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มีมติ ให้ไล่ออกจากราชการ โดยไม่มีบำเหน็จบำนาญ
11 มี.ค. 2568 : ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งทางราชการอย่างเป็นทางการ มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 18 เม.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายใน 30 วัน
11 เม.ย. 2568 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่งตัวแทน ยื่นอุทธรณ์โทษไล่ออกต่อ ก.พ.ค.ตร. ขอความเป็นธรรม คดีพัวพันเว็บ
ปูดปมใหม่ อดีตบิ๊กตำรวจและพรรคพวก พัวพันทุจริตการสอบนิติจุฬาฯ
23 เม.ย. 2568 : บช.สอท. นำกำลังเข้าจับกุมนางขนิษฐา หรือนิด เลิศบรรเจิดวงศ์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา “ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” หลังพบลักลอบนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังออกมาให้อดีตนายพลตำรวจคนดัง
ฟ้องผบ.ตร.ฐานหมิ่นประมาท
1 ต.ค. 2568 : แม้การจับกุมดังกล่าวไม่มีการกล่าวว่านายพลตำรวจคนดังคือใคร แต่สังคมก็มุ่งเป้าไปที่บิ๊กโจ๊กทำให้ภายหลังเจ้าตัวได้ออกมายื่นฟ้องผบ.ตร.ฐานหมิ่นประมาท
โดยระบุว่า ตนไม่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหา หรือถูกดำเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกนำชื่อไปเกี่ยวโยงกับคดีทุจริตข้อสอบของจุฬาฯ แม้จะไม่ระบุชื่อชัดเจน แต่ก็มีลักษณะพาดพิงทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นตน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติยศ และภาพลักษณ์ จนนำมาสู่การยื่นฟ้องในครั้งนี้
7 ต.ค. 2568 : พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือถึง นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบและพิจารณากรณีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการใช้อำนาจหน้าที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย และไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีการใช้กิริยาวาจาหรือประพฤติตนในลักษณะที่ไม่สมควร โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาในเรื่องการทุจริตข้อสอบจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย


