งบสร้าง 40 ล้าน - งบรื้อ 40 ล้าน วิกฤต สน.สามเสน จากหลุมยุบ

ประวัติของอาคารหลังนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคมาตั้งแต่ต้น โดยอาคารหลังเดิมถูกรื้อถอนไปตั้งแต่ปี 2563 ก่อนจะเริ่มก่อสร้างอาคารหลังใหม่ในปี 2565 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท แต่ในระหว่างการก่อสร้าง ผู้รับเหมารายแรกคือ "บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น จำกัด" ได้ทิ้งงานไป จนถูกขึ้นบัญชีดำเป็น "ผู้ทิ้งงาน" ของทางราชการ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการคัดเลือกผู้รับเหมาโครงการภาครัฐ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา

 

แม้อาคาร สน.สามเสน จะสามารถหาผู้รับเหมามาสร้างต่อได้จนเสร็จสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าใช้งานหรือติดตั้งครุภัณฑ์ใดๆ และต้องจบสิ้นลงก่อนที่จะได้เปิดทำการ

 

วันที่ 24 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์ดินทรุดตัวและถนนยุบบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล การยุบตัวของถนนทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่ใต้ดิน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของดินใต้อาคาร สน.สามเสน ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ มวลดินที่รองรับฐานรากของอาคาร สน.สามเสน เกิดการสไลด์และเคลื่อนตัวไหลเข้าไปในหลุมยุบ 

 

แม้เบื้องต้น จะเชื่อว่าสามารถเสริมความแข็งแรงของรากฐานอาคาร สน.สามเสนได้ แต่จากการประเมินโครงสร้างในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเผยให้เห็นถึงความเสียหายที่ลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

จากประชุมฉุกเฉินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ข้อสรุปถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของตัวอาคาร เนื่องจากพบว่าเสาเข็มบางส่วนชำรุดและเกิดการสไลด์ของดินอย่างต่อเนื่อง

 

ในการนี้ ได้มีการชี้แจงว่าค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและจัดการสถานการณ์ ซึ่งประเมินมูลค่าความเสียหายเทียบเท่ากับค่าก่อสร้างเดิมกว่า 40 ล้านบาท จะเป็นความรับผิดชอบของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับเหมาโครงการที่เกี่ยวข้อง

 

และในช่วงเช้าของวันที่ 5 ตุลาคม สภาพอาคารทรุดโทรมลงอย่างน่าเป็นห่วง โดยพบการเอียงผิดรูปของตัวอาคารและรอยร้าวขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือการค้นพบว่า เสาต้นที่ 5 ซึ่งเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนักของอาคารชำรุด และความเสียหายได้ขยายตัวต่อเนื่องไปยังเสาต้นที่ 3 ทำให้ต้องเร่งดำเนินการรื้อถอนทันที

 

แนวโน้มในอนาคตของอาคาร สน.สามเสน นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องถูก รื้อถอนทั้งหมดแล้วก่อสร้างใหม่เนื่องจากโครงสร้างหลักเกิดการบิดเบี้ยวเสียหายเกินกว่าที่จะสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย

 

ตำรวจระบุว่า หลังจากที่การซ่อมแซมพื้นที่และการรื้อถอนเสร็จสิ้น จะเริ่มกระบวนการทางคดี โดยรอผลสรุปจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดจาก อุบัติเหตุ หรือเกิดจากความประมาท ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการสอบสวนนี้จะใช้ในการพิจารณาหาผู้รับผิดชอบต่อไป