ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยืนยันสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ยังไม่วิกฤต
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยืนยันสถานการณ์น้ำกรุงเทพฯ ยังไม่วิกฤต แม้ปริมาณน้ำในเขื่อนสูง เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 10-11 ต.ค.นี้ ย้ำประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล
KEY
POINTS
- ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันสถานการณ์น้ำโดยรวมยังไม่วิกฤต โดยปริมาณน้ำเหนือที่ปล่อยลงมายังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้และน้อยกว่าปี 2554
- สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาหนักอย่างเขตประเวศเริ่มดีขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาน้ำท่วมขังในซอยย่อยที่ต้องดูแลต่อเนื่อง
- กทม. เตือนให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ
วันนี้ (5 ต.ค.68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างการลงพื้นที่สถานีสูบน้ำพระโขนง ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการรับมือน้ำท่วม โดยมี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมคณะ
นายชัชชาติ ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาหนักเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขตประเวศ ซึ่งเป็นจุดที่เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.68) มีฝนตกหนักสูงสุด 122 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการดูแลน้ำท่วมขังในซอยย่อยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือยังไม่น่าเป็นห่วงและไม่ถึงขั้นวิกฤต แม้ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนหลักจะค่อนข้างสูง แต่การบริหารจัดการน้ำในปีนี้ดีกว่าปี 2554 อย่างมาก ปริมาณน้ำที่ปล่อยมายังต่ำกว่าปี 2554 ตอนนี้เขื่อนแควน้อยมีน้ำในเขื่อนเต็มแล้ว เขื่อนสิริกิติ์เกือบเต็ม เขื่อนภูมิพลก็น้ำเยอะ โดยปริมาณน้ำที่ปล่อยมาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังอยู่ในปริมาณที่สามารถรับได้คือ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ในส่วนของการระบายน้ำที่สถานีสูบน้ำพระโขนงขณะนี้สามารถคุมระดับน้ำไว้ที่ -1 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) แต่ปัญหาคือน้ำจากคลองประเวศไม่สามารถไหลมาได้ทัน เนื่องจากคลองประเวศมีความคดเคี้ยวมาก ทำให้ระดับน้ำด้านบนยังคงเอ่ออยู่ ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องพิจารณาการทำอุโมงค์ระบายน้ำ อย่างไรก็ตาม หากอุโมงค์หนองบอนที่กำลังจะเปิดใช้ในปีหน้าแล้วเสร็จ จะช่วยเสริมการระบายน้ำได้ดีขึ้น
นายชัชชาติ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ น้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะขึ้นสูงสุดในวันที่ 10 และ 11 ต.ค.68 โดยจะมีการขึ้นของน้ำ 2 ครั้งต่อวัน คือช่วงเช้าประมาณ 09.00 น. และช่วงเย็นประมาณ 19.00 น. พร้อมย้ำว่า ประชาชนโดยรวมยังไม่ต้องวิตกกังวล แต่ขอให้คนที่อยู่ริมน้ำ นอกแนวคันกั้นน้ำเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น ชุมชนโรงสี เทวราชกุญชร และพื้นที่ริมน้ำอื่นๆ ทั้งนี้ กทม. ได้มีการเสริมกระสอบทราย รวมถึงต่อทางเดินไม้สำหรับให้ชาวบ้านได้ใช้สัญจร
นายวิศณุ กล่าวเสริมว่า ในพื้นที่พระโขนงและประเวศได้มีการดำเนินการหลายโครงการ อาทิ การปรับเพิ่มความลึกหน้าสถานีสูบน้ำพระโขนง การทำเขื่อนเพิ่ม เพื่อให้รับน้ำได้ดีขึ้น
นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงการทำประตูกั้นน้ำคลองย่อย ซึ่งชาวบ้านไม่ให้ทำว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะประตูกั้นน้ำจะทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำดีขึ้น
“สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ทางสำนักการระบายน้ำก็ทำงานกันเต็มที่ ไม่มีวันหยุด เพราะว่าน้ำท่วมไม่มีวันหยุด ฉะนั้น เจ้าหน้าที่ก็ห้ามหยุด อีกนิดเดียวจะหมดฤดูฝนแล้ว และจะเข้าฤดูฝุ่นแทน ต่อไปต้องเตรียมรับมือฝุ่น ส่วนพื้นที่ไหนยังท่วมอยู่ให้แจ้งมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ” นายชัชชาติ กล่าว


