ศาลพิพากษา คุกตลอดชีวิตมือยิงอดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชากลางกรุง
ศาลพิพากษา จำคุกตลอดชีวิต จ่าเอ็ม มือยิง "ลิม กิมยา" อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตกลางกรุง พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 1.7 ล้านบาท
ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการโจทก์ นางอานน์ มารี อ็องเดร ครูช ภรรยาผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องพ.จ.อ.เอกลักษณ์ แพน้อย และนายชาคิตหรือชำนาญ บัวปลี จำเลยที่ 1-2 ในคดีที่พ.จ.อ.เอกลักษณ์ ใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา (Lim Kim Ya) สัญชาติกัมพูชา อดีตสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านพรรคกู้ชาติกัมพูชา วัย 74 ปี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 เวลา ประมาณ 17.30 น.ที่บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ย่านถนนข้าวสาร
ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ สำหรับจำเลยที่ 2 ถูกกล่าวหาช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ให้การปฏิเสธ
โดยศาลมีคำพิพากษาสรุปว่า พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมารับฟังได้เป็นที่พอใจปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย โดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความ ตายอันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ ประหารชีวิต, ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้ รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตสถานเดียว และริบของกลาง กับให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม เป็นเงิน 1,790,599 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้อง (วันที่ 30 กันยายน 2568) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม
สำหรับ จำเลยที่ 2 ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่าจำเลย ที่ 2 มีอาชีพขับรถรับจ้าง เมื่อจำเลยที่ 1 ว่าจ้างให้ไปส่งที่ ต.คลองหาด อ.สระแก้ว จ.สระแก้ว การโทรศัพท์หากันนัดหมายสถานที่จึงเป็นเรื่องปกติ โดยจำเลยที่ 2 คิดค่าว่าจ้าง 4,500 บาท ก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผล จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ซึ่งพยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2


