“เท้ง ณัฐพงษ์” ติดโผ TIME100 Next 2025 ยกเป็นผู้นำอนาคตการเมืองไทย

 

นิตยสาร Time เผยรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี "TIME100 Next 2025" จัดอันดับบุคคลผู้สร้างแรงขับเคลื่อนในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน นักนวัตกรรม ผู้นำ หรือนักเคลื่อนไหวทั่วโลก

 

สำหรับปี 2025 นี้ ชื่อของ "เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการให้เป็นหนึ่งใน 100 บุคคลแห่งปี ในฐานะ "ผู้นำ" (Leader)

 

 

Time ระบุชัด "เท้ง ณัฐพงษ์" คือผู้นำการเมืองฝ่ายก้าวหน้าของไทย ในฐานะหัวเรือใหญ่ "พรรคประชาชน" ซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์จาก "พรรคก้าวไกล" ที่เคยชนะการเลือกตั้งปี 2566

 

หลังพรรคถูกยุบในปี 2567 สส. ที่เหลือทั้ง 143 คน ได้ผนึกกำลังกันในนามพรรคประชาชน และผลักดันให้ "เท้ง ณัฐพงษ์" ขึ้นสู่ตำแหน่ง "ผู้นำฝ่ายค้าน" ทันที

 

Time ยังได้ฉายภาพสถานการณ์การเมืองไทย โดยเผยให้เห็นว่า "ความเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยคนหนุ่มสาวของไทยนั้น ดำเนินไปแบบก้าวหน้าสองก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว" 

 

คนรุ่นใหม่พยายามเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมาหลังเหตุการณ์ รัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ซึ่งกองทัพได้เข้ายึดอำนาจและจัดตั้ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นมาบริหารประเทศ

 

การยึดอำนาจในครั้งนั้นส่งผลให้มีการ จำกัดเสรีภาพและสิทธิทางการเมืองอย่างเข้มงวด รวมถึงการ ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ได้วางกรอบอำนาจ ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลโดยเสียงข้างมากในสภาฯ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

 

จนส่งผลให้ ขบวนการประชาธิปไตย ต้องเผชิญกับการ ยุบพรรคการเมืองไปแล้วถึงสองพรรค ตลอดช่วงเวลาหกปีที่ผ่านมา

 

 

อย่างไรก็ตาม บทความยังชี้ให้เห็นถึง ความหวังครั้งใหม่ ที่กำลังก่อตัวขึ้น หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพ้นจากการดำรงตำแหน่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา 

 

ก่อให้เกิด "สัญญาณการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่ใกล้เข้ามา" คนรุ่นใหม่ในไทยจำนวนไม่น้อยต่างตั้งความหวังว่า 

 

"เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของการเมืองไทยได้ในที่สุด

 

นอกจากนี้ Time ยังได้อ้างอิงคำพูดของ ณัฐพงษ์ ที่ตอกย้ำถึงเป้าหมายการต่อสู้อย่างชัดเจนว่า

 

"วิสัยทัศน์ของเราคือการปฏิรูปทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำใน เราต้องนำประชาธิปไตยที่สมบูรณ์กลับคืนสู่ประเทศของเราให้ได้"