“นฤมล" มั่นใจ ดัน พ.ร.บ.การศึกษาฯ สำเร็จ ขอทุกฝ่ายร่วมผลักดัน
“รมว.นฤมล” เปิดสมัชชาการศึกษาฯ ครั้งที่ 3 ลั่น ปฏิรูปการศึกษาต้องร่วมมือทุกส่วน มั่นใจ ดัน พ.ร.บ.การศึกษาฯ สำเร็จในสภาฯ ชุดนี้ ขอ ช่วยกันดูแลสุขภาพจิตเด็กยุคออนไลน์
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 3 (𝟑𝐫𝐝 𝐍𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧𝐚𝐥 𝐄𝐝𝐮𝐜𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐀𝐬𝐬𝐞𝐦𝐛𝐥𝐲)ภายใต้หัวข้อ “𝐅𝐮𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐋𝐞𝐚𝐫𝐧 𝐅𝐮𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐄𝐚𝐫𝐧 เรียนรู้เพื่อก้าวสู่อนาคต”ที่โรงแรม ที.เค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนองค์กรทุกภาคส่วนจากทั่วประเทศ ประกอบด้วย สมัชชาหรือสภาการศึกษาจังหวัด หน่วยงานด้านการศึกษาภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคศาสนา ภาควิชาการและวิชาชีพ ภาคประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุมเสวนาฯ
ศ.ดร.นฤมล ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง Flexible Education การศึกษาที่ยืดหยุ่นเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ระบุว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและแผนการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่เรื่องที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองจะสามารถกำหนดได้ เราเป็นเพียงส่วนในการช่วยขับเคลื่อนเท่านั้น เช่น ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติอยู่ทั้งหมด 7 ร่าง ประกอบด้วยร่างของกระทรวงศึกษาธิการ ร่างจากฝ่ายรัฐบาล ร่างฝ่ายค้าน และร่างที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายการเมืองจะต้องร่วมกันผลักดันให้ร่างกฎหมายดังกล่าวสำเร็จภายในสภาชุดนี้ พร้อมทั้งเปิดรับข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ ครอบคลุม และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ยังกล่าวถึงความสำคัญของการจัดสมัชชาการศึกษา ที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้วกว่า 3 ปี และจัดครบแล้ว 15 จังหวัด โดยตั้งเป้าจะจัดให้ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกพื้นที่ได้สะท้อนความคิดเห็น ได้ถกเถียง และร่วมกันกำหนดทิศทางการศึกษาไทย เพราะทุกท่านคือกำลังสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายการศึกษา ครู นักเรียน และภาคประชาชน
“ดิฉันเห็นว่าการมีความเห็นต่างถือเป็นเรื่องดีในสังคมประชาธิปไตย เพราะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ และช่วยตกผลึกนโยบายการศึกษาที่ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง”
ศ.ดร.นฤมล ยังกล่าวต่อถึง การวัดผลการเรียนรู้ของเด็กไทย ตนมองว่าไม่ควรยึดติดกับการท่องจำอีกต่อไป แต่ควรพัฒนาเครื่องมือ และวิธีการใหม่ ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีอยู่มากมาย เพื่อให้การประเมินสะท้อนถึงการเรียนรู้จริง ประสบการณ์จริง และการทำงานได้จริง เช่นเดียวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ที่ตนเคยพูดไปว่าเป็นหัวใจสำคัญที่อยากให้เด็กไทยได้เรียนรู้ ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยไม่ใช่เพียงการจำเนื้อหา แต่ต้องเปิดโอกาสให้เด็กคิด วิเคราะห์ ตั้งคำถาม และถกเถียงในห้องเรียน เพื่อเข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจทางประวัติศาสตร์ และเรียนรู้รากฐานระบอบประชาธิปไตยแบบไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งทางความคิดในสังคมได้
ขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ครู
นอกจากนี้ ศ.ดร.นฤมล ยังกล่าวถึงปัญหาของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องภาระหนี้สินครู ที่เป็นอุปสรรคต่อการทุ่มเทเวลาและพลังให้กับการสอน โดยเปิดเผยว่า วานนี้ (21 ส.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ได้เห็นชอบแนวทางการตั้งสหกรณ์กลางเพื่อรวมหนี้ครูและหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ รวมถึงการเร่งขับเคลื่อนปรับเกณฑ์วิทยฐานะครูให้มีความสมเหตุสมผลและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า อีกสิ่งหนึ่งที่น่าห่วงไม่แพ้กันคือ สุขภาพจิตและความเข้มแข็งทางอารมณ์ของเด็กยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญแรงกดดันและการตัดสินบนโลกออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้หลายคนมีความเปราะบางทางอารมณ์มากกว่าเด็กยุคก่อน ในส่วนนี้กระทรวงศึกษาฯ ได้มีมาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ และจัดนักจิตวิทยาเพื่อช่วยดูแลเด็กอย่างจริงจังแล้ว
“อนาคตของชาติขึ้นอยู่กับการที่เด็กมีทั้งความรู้ ความเข้มแข็งทางอารมณ์ และสุขภาพจิตที่ดี หากละเลยปล่อยให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ก็จะส่งผลต่อประเทศในอนาคตด้วย” ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ การประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วมจัดการการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนและพื้นที่ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคีที่เข้าใจปัญหาและมีฐานทุนในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาที่ทุกคนมีส่วนร่วมกับการศึกษาอย่างแท้จริง


