ตำรวจไซเบอร์ เตือน อย่าเป็นเครื่องมือฝ่ายตรงข้าม แชร์เฟกนิวส์

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความอ่อนไหว ตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสว่า ได้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News), คลิปบิดเบือน และข้อความปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ที่อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม

 

รวมทั้ง พบการโพสต์ภาพหรือวิดีโอคลิปแสดงความรุนแรงต่อคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตในประเทศไทย

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือผู้ใช้บัญชีโซเชียล ดังนี้

1. ไม่แชร์ ไม่โพสต์ ไม่ส่งต่อ ข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ สถานการณ์ความมั่นคง กองทัพ หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

2. บัญชีโซเชียลมีเดียจากต่างประเทศบางส่วนมีพฤติการณ์โจมตีหรือใส่ร้ายหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยด้วยเนื้อหาบิดเบือนหรือแฝงวัตถุประสงค์ทางการเมืองและจิตวิทยาเชิงลบ เช่น การตั้งข้อกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานการตัดต่อคลิปวิดีโอ หรือการใช้คำพูดยุยงให้เกิดความเกลียดชัง ฉะนั้น ให้งดแชร์ต่อ

 

3. อย่าหลงเชื่อหรือมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นที่ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หากบุคคลเหล่านั้นไม่กระทำความผิดและถูกละเมิดทางด้านร่างกายหรือจิตใจก็ถือว่าได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทยเช่นเดียวกับทุกคนในประเทศ หากพบเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

4. การโพสต์ แชร์ หรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะปลุกปั่น บิดเบือน หรือทำให้ประชาชนหวาดกลัวโดยไม่มีมูลความจริง เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอาญา

 

โดยขณะนี้ บช.สอท. อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบบัญชีที่เผยแพร่ข่าวปลอมและด้อยค่าองค์กรต่างของประเทศไทย และจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยต่อสถาบันต่างๆ ของชาติและละเมิดกฎหมายของประเทศ

 

สิ่งที่ประชาชนควรทำ

• ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อกระแสหลัก และหน่วยงานภาครัฐ

• ใช้วิจารณญาณก่อนแชร์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์อ่อนไหว

• แจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ที่ www.thaipoliceonline.go.th หรือโทรสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมกันเป็นเกราะป้องกันข่าวปลอม เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมไทย ด้วยความห่วงใยจาก กองบัญชาการตำรวจ

สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี