สวนดุสิตโพลเผย คะแนนการเมืองไทยลดลงต่ำสุดรอบ 18 เดือน
สวนดุสิตโพลเผยคะแนนดัชนีการเมืองไทยเดือนมิถุนายน 2568 ลดลงเหลือ 4.13 คะแนน ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน เหตุความขัดแย้ง ครม.–ชายแดน–เศรษฐกิจ ทำประชาชนขาดความเชื่อมั่นรัฐบาล
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนมิถุนายน 2568” จากกลุ่มตัวอย่าง 2,114 คนทั่วประเทศ (เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 23–27 มิ.ย.) พบว่า คะแนนเฉลี่ยภาพรวมอยู่ที่ 4.13 คะแนน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ได้ 4.70 คะแนน ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือน
ตัวชี้วัดสำคัญ
- ผลงานฝ่ายค้าน ได้คะแนนสูงสุด เฉลี่ย 5.15 คะแนน
- การแก้ปัญหาความยากจนและราคาสินค้า ได้คะแนนต่ำสุด เฉลี่ย 3.92 คะแนน
บุคคลทางการเมืองที่โดดเด่นประจำเดือน
- ฝ่ายรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด 23.04%
- ฝ่ายค้าน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นำโด่งที่ 48.72%
ผลงานที่ประชาชนชื่นชอบ:
- ฝ่ายรัฐบาล นโยบายขึ้นค่าแรง 400 บาท (41.12%)
- ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล (44.84%)
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล วิเคราะห์ว่า บรรยากาศการเมืองเดือนมิถุนายนเต็มไปด้วยแรงกระเพื่อมจากความขัดแย้งภายในรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี การแย่งชิงเก้าอี้ รมว.มหาดไทย และประเด็นความสัมพันธ์กับกัมพูชา ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลง ดัชนีจึงร่วงเหลือเพียง 4.13 คะแนน ขณะที่ผลงานของนายกรัฐมนตรีตกไปอยู่อันดับที่ 20 สะท้อนถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงานที่จับต้องได้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน
ด้าน ผศ.ศิริมา บุญมาเลิศ จากโรงเรียนกฎหมายและการเมือง ม.สวนดุสิต ระบุว่า คะแนนที่ลดลงสะท้อนความไม่ไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล โดยมีสาเหตุจากปัญหาหลายด้านที่ยังไม่คลี่คลาย เช่น กรณีคดีชั้น 14, มาตรการตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ, ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยเรื่องเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย, ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ที่ยังไม่ผ่านการลงมติ และปัญหาแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะรักษาผลประโยชน์ชาติได้จริงหรือไม่
เมื่อปัญหาภายนอกซ้ำเติมปัญหาภายใน จึงส่งผลต่อศักยภาพของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและสังคม และบั่นทอนความน่าเชื่อถือในระยะยาว อันอาจนำไปสู่ความเปราะบางทางการเมือง


