ครั้งแรก! ศศบ.ทก. ออกเอกสารชี้แจงภาษากัมพูชา ยันไทยยึดสันติวิธี
ครั้งแรก! ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ “ภาษากัมพูชา” ย้ำไทยพร้อมเจรจาสันติ ยันไม่ห้ามส่งออกน้ำมัน
ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ “ภาษากัมพูชา” ครั้งแรกผ่าน Facebook Page อย่างเป็นทางการ โดยมีเนื้อหาดังนี้
เรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศทุกท่าน
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น สืบเนื่องจากการกระทำของกองกำลังทหารกัมพูชาและกลุ่มผู้ไม่หวังดีบางกลุ่มที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน
ซึ่งได้ล่วงละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย อาทิ การลาดตระเวนติดอาวุธ การสร้างฐานที่มั่นทางทหารและการยั่วยุโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังได้ดำเนินการปิดด่านชายแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยมิได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแต่อย่างใด
ประเทศไทยตระหนักดีถึงสถานการณ์ที่เปราะบางนี้ และขอยืนยันหนักแน่นว่าประเทศไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีและเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาทวิภาคีด้วยความสุจริตใจและความเคารพซึ่งกันและกัน
ประเทศไทยพร้อมที่จะเจรจาอย่างสันติ เท่าเทียม และมีเกียรติ โดยยึดมั่นในเจตนารมณ์แห่งอธิปไตยร่วมกันและหลักการของประเทศเพื่อนบ้านที่ดี
ประเทศไทยให้ความเคารพและมีความเป็นมิตรกับพี่น้องชาวกัมพูชา และเข้าใจดีว่าความตึงเครียดในปัจจุบันเป็นผลมาจากการตัดสินใจทางการเมืองของผู้นำบางท่าน ซึ่งมิได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนชาวกัมพูชาโดยรวม
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลไทยได้จัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา" หรือที่เรียกว่า "Team Thailand” เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการบรรเทาผลกระทบและแก้ไขสถานกาณ์ ฝ่ายไทยได้กำหนดมาตรการควบคุมชั่วคราวใน 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด
มาตรการเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการฟอกเงิน รวมถึงการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย และยาเสพติด
มาตรการเหล่านี้มุ่งเน้นการธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและการคุ้มครองประชาชนและชุมชนทั้งสองฟากฝั่งของแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
มาตรการของศูนย์ปฏิบัติการพิเศษจะถูกนำมาใช้ใน 4 ขั้นตอน ดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: จำกัดจำนวนบุคคลที่สามารถเข้า-ออกพื้นที่ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับกลุ่มเปราะบาง อาทิ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนตามเวลาทำการ
ขั้นตอนที่ 3: ปิดด่านชายแดนบางแห่ง
ขั้นตอนที่ 4: หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อาจมีการปิดด่านชายแดนทุกแห่งตลอดแนวชายแดนเพื่อครอบคลุมกรณีที่อาจเกิดขึ้น
ปัจจุบันมีการบังคับใช้เพียงขั้นตอนที่ 1 และ 2 กล่าวคือ การจำกัดจำนวนผู้ข้ามแดน และการผ่อนปรนเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและผ่อนปรนมาตรการตามความเหมาะสม
ฝ่ายไทยยังรับทราบถึงความสับสนที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาได้ระงับการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย
ซึ่งสร้างความยากลำบากแก่ประชาชนชาวกัมพูชาจำนวนมาก ประเทศไทยขอชี้แจงให้ชัดเจนว่า ประเทศไทยไม่มีเจตนาที่จะห้ามการส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา
ดังนั้น ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ไม่เหมาะสมใดๆ ที่เผยแพร่โดยทั่วไปนั้น เป็นการคาดการณ์ของสื่อมวลชนหรือแหล่งข่าวที่ไม่เป็นทางการซึ่งไม่ได้มาจากรัฐบาลไทย
ฝ่ายไทยขอเรียนให้มิตรประเทศกัมพูชาทราบว่าความยากลำบากทั้งหมดที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน มิได้เกิดขึ้นจากฝ่ายไทย แต่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชา และฝ่ายไทยขอให้รัฐบาลกัมพูชาช่วยปกป้องความปลอดภัยของทั้งประชาชนชาวกัมพูชาและชุมชนชาวไทยในกัมพูชา
ประเทศไทยให้ความสำคัญกับมิตรภาพอันยาวนานกับกัมพูชา ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ฉันมิตรในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกันจะนำมาซึ่งสันติภาพและความเข้าใจอันดีโดยเร็ว
ประเทศไทยขอความเข้าใจและการสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายธำรงไว้ซึ่งการสื่อสารระหว่างกัน และใช้ความอดทน ความใส่ใจ และยึดมั่นในขั้นตอนปฏิบัติ ฝ่ายไทยเห็นชอบที่จะปกป้องอธิปไตยของเราด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี
ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสันติภาพ ความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในประเทศ
ฝ่ายไทยขอแสดงเจตจำนงในการที่ต้องการให้ภูมิภาคของเรามีสันติภาพและความสามัคคีร่วมกัน


