"ทิดแย้ม" งานงอกเพิ่ม! "บิ๊กเต่า" เผย บัญชีวัด 10 รายงานแค่ 4

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เดินทางร่วมตรวจค้นวัดไร่ขิง และได้เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายแย้มยักยอกเงินวัด

 

โดยระบุว่า วันนี้ได้มีการบูรณาการร่วมกันกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสตง., ปปง. , สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , ปปช.  และ ป.ป.ท. เพื่อจัดระบบและเป็นแนวทางในการตรวจสอบวัดอื่นๆต่อไปตามข้อสั่งการของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 

 

โดยจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน , ระบบการจ่ายเงินภายในวัด , รวมทั้งบัญชีของวัด

 

จากการตรวจสอบกว่า 10 บัญชีพบว่า มีการรายงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาเพียง 4 บัญชีเท่านั้น ซึ่งตามปกติแล้วการใช้เงินในบัญชีของวัดจะต้องมีการตั้งฎีกา และส่งรายงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าจะใช้ทำอะไรบ้าง

 

โดยจะต้องเป็นไปเพื่อการพัฒนาวัดและประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ส่วนตัวได้
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินบริจาคจะมีการแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ เงินส่วนตัวที่มีการมอบให้เจ้าอาวาสโดยตรง และเงินในส่วนของวัด ซึ่งการตรวจสอบเส้นเงินในครั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเน้นตรวจสอบในส่วนที่เป็นเงินของวัด

 

สำหรับในส่วนของการสอบปากคำเบื้องต้นมีการสอบไปแล้วกว่า 10 ปาก ทั้งพระ , ไวยาวัจกร , กรรมการวัด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งหมอเตยด้วย โดยจะต้องมีการตรวจสอบคำให้การว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ต่อไป เพราะคำให้การยังไม่ชัดเจนในหลายประเด็น อีกทั้งการให้การก็เป็นเพียงการสอบสวนเบื้องต้นเท่านั้น  

ขณะที่ในส่วนของเจ้าอาวาส และอรัญญาวรรณก็รับสารภาพเพียงบางส่วน แต่บางส่วนก็ยังไม่บอกข้อเท็จจริง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกด้วยว่าหากใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับการทุจริตครั้งนี้ก็จะมีการพิจารณาไปตามหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรือซ้ำเติมพระ

แต่เป็นการสร้างบรรทัดฐานของภาครัฐในการควบคุมให้วัดอยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น พร้อมขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน แต่ยืนยันว่าใช้เวลาไม่นานเพราะมีเวลาจำกัดในการส่งสำนวนให้อัยการซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด 

นอกจากนี้ยังได้ฝากไปถึงสาธุชนคนใจบุญด้วยว่าอยากให้แบ่งแยกเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดส่วนบุคคลเพื่อให้วัดสามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะทุกหน่วยงานมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งเจ้าหน้าหน้าที่ก็จะกำจัดคนไม่ดีออกไป