พระอมเงินวัด ถึงเวลาจัดระเบียบสงฆ์ กำจัดมารกัดกินศาสนา
เปิดข้อเสนอไพศาล พืชมงคล ปมเจ้าอาวาสยักยอกเงินวัด 300ล้าน จี้รัฐบาลเร่งจัดระเบียบสงฆ์แยกทรัพย์สินวัด-พระป้องกันมารกินศรัทธาพุทธศาสนิกชน
KEY
POINTS
- การยักยอกเงินวัดของเจ้าอาวาสกระทบศรัทธา-การบริหารจัดการ
- ความไม่ชัดเจนระบบทรัพย์สินช่องโหว่ทุจริตแสวงหาผลประโยชน์
- ภัยคุกคามมิจฉาชีพการหลอกลวงแบล็กเมล์ผ่านช่องทางออนไลน์
- พระอมเงินวัดผลกระทบศรัทธาอนาคตพระพุทธศาสนาวงการสงฆ์
กรณีอื้อฉาววงการพระพุทธศาสนา นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ ทิดแย้ม อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม และ เจ้าคณะภาค 14ผู้ต้องหาความผิดฐานทุจริตยักยอกเงินวัด จำนวน 300 ล้านบาท
มีข้อเรียกร้องจาก นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ดังก้องกังวานเตือนสติสังคมชาวพุทธ เกี่ยวกับข้อเรียกร้องให้มีการจัดระเบียบทรัพย์สินของวัดและพระสงฆ์ให้ชัดเจนเสียที เพื่อแก้ไขปมปัญหาที่ฝังรากลึกในวงการสงฆ์
"หลวงพ่อผู้มีสมณศักดิ์สูงถึงพรหม ยังมิอาจหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา ราคะ โลภ โกรธ หลง ที่สิงสู่อยู่ในจิตใจ ตราบใดที่อาสวะยังไม่สิ้น ย่อมมีโอกาสพลั้งพลาดทำบาปกรรมต่อพระศาสนาและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย การตำหนิเพียงตัวบุคคลจึงมิอาจแก้ปัญหาที่แท้จริงได้"
นายไพศาล ชี้ว่า ต้นตอของปัญหาอยู่ที่ "ความไม่ชัดเจน" ของระบบการจัดการทรัพย์สิน ทรัพย์สินส่วนกลางของพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินของวัดที่ญาติโยมร่วมกันบริจาค และทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์ กลับปะปนจนยากจะแยกแยะ เมื่ออำนาจการจัดการทรัพย์สินก้อนใหญ่ตกอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คน หรือคนกลุ่มเดียว ย่อมเปิดช่องให้เกิดการทุจริต ฉ้อโกง และตกเป็นเหยื่อของขบวนการมิจฉาชีพ
นายไพศาล สะท้อนว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สังคมไทยต้องเผชิญกับเรื่องราวสะเทือนใจเช่นนี้ถึงสองครั้ง กรณีแรก พระราชาคณะชั้นสูงอมเงินวัดเกือบ 500 ล้านบาทไปปรนเปรอความสุขส่วนตัว อีกรายก็โกงเงินวัดไปเล่นการพนันร่วม 500 ล้านบาท โดยมีกลุ่มสตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง
"นี่คือสัญญาณอันตรายที่รัฐบาลไม่อาจเพิกเฉยได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูป จัดระบบทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินของวัด และทรัพย์สินส่วนตัวของพระสงฆ์ให้โปร่งใส มีระบบการจัดการที่รัดกุม ตรวจสอบได้ และมีระบบบัญชีที่ถูกต้อง"
ลองจินตนาการถึงจำนวนวัดทั่วประเทศเกือบสามแสนแห่ง จะมีสักกี่วัดที่สามารถแสดงบัญชีและงบดุลที่ถูกต้อง แยกแยะทรัพย์สินของวัด ของสงฆ์ และของพระสงฆ์แต่ละรูปได้อย่างชัดเจน หากไม่จัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง วงจรอุบาทว์เช่นนี้ก็จะดำเนินต่อไป สร้างความเศร้าหมองแก่จิตใจชาวพุทธไม่รู้จบ
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันยังมีการระบาดของแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้กลอุบายทางออนไลน์ แบล็กเมล์ ข่มขู่พระสงฆ์ โดยหลอกลวงให้พูดคุย ส่งภาพลามกอนาจาร แล้วขู่กรรโชกทรัพย์ หรือบังคับให้ทำสิ่งเสื่อมเสียต่อพระศาสนา พวกเขามิได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมใดๆ
นายไพศาล ได้ฝากเตือนไปยังพระคุณเจ้าที่ตกเป็นเหยื่อ อย่าได้หลงกลจ่ายเงินให้แก่มิจฉาชีพเหล่านี้ จงตั้งมั่นในศีลธรรม รีบแจ้งความตำรวจเพื่อนำคนผิดมาลงโทษ และที่สำคัญที่สุดคือการระมัดระวังตนเอง อย่าเปิดรับการติดต่อจากสีกาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพราะร้อยทั้งร้อยคือกลลวงของมิจฉาชีพ
จับตาเรื่องนี้ให้ดี! บางที การสืบสวนอาจนำไปสู่การเปิดโปงขบวนการมิจฉาชีพขนาดใหญ่ที่หากินกับพระสงฆ์ และอาจนำไปสู่การ "ล้างบางจิ้งเหลือง" ครั้งสำคัญก็เป็นได้
เงาแห่งศรัทธาจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาที่หยั่งรากลึกนี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด
ที่มาข้อมูล ประกอบเนื้อหาข่าว เพจ Paisal Puechmongkol


