วธ.ดัน "1 ครอบครัว 1 Soft Power" กระตุ้นเศรษฐกิจ จากผลิตภัณฑ์ชุมชน
กระทรวงวัฒนธรรมเดินหน้า "1 ครอบครัว 1 Soft Power" เปิดฉากงานใหญ่ "มหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่สากลและการเจรจาธุรกิจ" หวังยกระดับ 4 อุตสาหกรรมหลักของไทยสู่เวทีโลก
กระทรวงวัฒนธรรม เริ่มขับเคลื่อนนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” ด้วยการเปิดงาน “มหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่สากลและการเจรจาธุรกิจ” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 ณ พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
งานนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการนำศักยภาพด้านวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยมาต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับผู้ประกอบการชุมชนและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สมาคมการค้าส่งเสริมหัตถกรรมไทย ภาคเอกชน และภาคีเครือข่าย รวมถึงผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานจำนวนมาก
งานมหกรรมครั้งนี้จัดขึ้นตามนโยบายของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยใช้ “คน” เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริม Soft Power ไทย ควบคู่ไปกับการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงศิลปวัฒนธรรม
โครงการนี้มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการชุมชนได้รับการพัฒนาทักษะด้าน Soft Power เพื่อนำความรู้ไปสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ตนเองและครอบครัว
พร้อมทั้งใช้มิติทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทยเป็นเครื่องมือเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในเวทีโลก
ภายในงาน มีการนำเสนอผลงานที่โดดเด่นจากผู้ประกอบการกว่า 200 ราย ที่ผ่านการฝึกอบรม Up skill และ Re skill ภายใต้โครงการฯ ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป้าหมาย ได้แก่ การท่องเที่ยว ศิลปะ ดนตรี และอาหาร
ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดงมีความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ต่างๆ เช่น ของใช้ งานฝีมือ งานจักสาน ของที่ระลึก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ดนตรี และอาหาร
นายประสพ เรียงเงิน เปิดเผยว่า โครงการ “1 ครอบครัว 1 Soft Power” มีการขับเคลื่อนผ่าน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยในระยะแรกได้คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 2,400 คน
และได้นำผู้ประกอบการที่มีผลงานโดดเด่น 200 ราย มาร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าในงานนี้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง
โครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับครอบครัว โดยครอบคลุมแรงงานสร้างสรรค์กว่า 2,400 ครัวเรือนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมจาก 20 จังหวัด
ซึ่งนับเป็นการเพิ่มจำนวนแรงงานภาคศิลปวัฒนธรรมและเพิ่มรายได้ให้กับครัวเรือนอย่างน้อย 1 คน
จุดเด่นสำคัญของงานคือ กิจกรรมการเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ที่ วธ. ร่วมกับ สจล. และสมาคมการค้าส่งเสริมหัตถกรรมไทย
เชิญชวนผู้ซื้อรายใหญ่ที่มีความสนใจในสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมเข้าร่วม โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก
เช่น Trader ห้างสรรพสินค้า สมาคมการค้าต่างๆ ช่องทาง e-commerce และที่สำคัญคือกลุ่ม HoReCa (โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจจัดเลี้ยง)
ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความต้องการสินค้าที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพสูง ปลัด วธ. เชื่อมั่นว่าการพัฒนาและยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาการค้ากับผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก
งาน “มหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่สากลและการเจรจาธุรกิจ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 22 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. แบ่งพื้นที่จัดงานเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่
พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สำหรับจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เด่นจาก 200 ผู้ประกอบการใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม และ
พาร์ค พารากอน ชั้น M สำหรับจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนขนาดเล็ก ผลิตภัณฑ์อาหาร สมุนไพร และอาหารพื้นถิ่นแปรรูปจากทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจอีกมากมาย
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมย้ำทิ้งท้ายว่า งานนี้คือการส่งเสริมศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของ “คน” เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครอบครัวอย่างยั่งยืน
ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และใช้ทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ สร้างผู้ประกอบการที่สามารถยืนหยัดบนเวทีธุรกิจได้จริงด้วยศิลปวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์


