posttoday

'บิ๊กเต่า'รับหลักฐาน'ทนายษิทรา'สอบเส้นเงินเว็บพนันโยง'บิ๊กตร.'

28 มีนาคม 2567

บิ๊กเต่าลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าห้องขัง พร้อมสอบเส้นเงินตามหลักฐานทนายตั้ม ขณะนายกสมาคมนักข่าวฯร้องนายกสภาทนายความให้ตรวจสอบนักข่าวรับเงินเพิ่มล็อต2เผย"บิ๊กโจ๊ก"อาจมาให้ข้อมูลเรื่องเเจกเงินนักข่าวสัปดาห์หน้า

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ส่งมอบหลักฐานเส้นทางการเงินขบวนการรับส่วยเชื่อมโยงบิ๊กตำรวจให้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่มีการแจ้งความมาตรา157 เพราะกลัวว่าหากแจ้งความจะมีระยะเวลา 1เดือนแล้วต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ภายใน30วันอาจไม่มีอะไรคืบหน้าและถูกส่งสำนวนไปแบบไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเส้นทางการเงินจึงอยากให้พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ไปตรวจสอบเส้นทางการเงินทุกเส้นที่ได้แถลงไปก่อนหน้านี้เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่ออกมาแถลงเป็นข้อเท็จจริงส่วนผู้กระทำความผิดก็ต้องให้ไปสืบสวนต่อ เมื่อได้เส้นเงินมาอย่างถูกต้อง จากนั้นก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้รับหลักฐานจากทนายตั้มไว้ดำเนินการโดยหลังจากนี้จะส่งพยานหลักฐานไปให้ บก.ปปป.และตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน  รวมถึงตรวจสอบเส้นเงินว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง รวมถึงเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพื่อลงรายละเอียดในสำนวนการสอบสวน แต่สำนวนนี้จะยังไม่ส่งไปยังป.ป.ช.เนื่องจากไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157 และ 149 และเมื่อเอกสารมีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ก็จะมีการขยายผลไปตามเส้นทางการเงินต่างๆและจะดำเนินการควบคู่กันไป เพราะหลักฐานที่นำมาให้ก็เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีใครสามารถบิดเบือนประเด็นได้หากมีความเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแต่อย่างไก็ตาม ยังไม่เห็นเอกสารของทนายตั้ม จึงไม่สามารถแจ้งได้ว่าตำรวจมีอยู่แล้วหรือไม่ ทั้งนี้ตามหน้าที่เรื่องเส้นเงินต่างๆก็เป็นเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใครผิดก็คือผิดถูกก็คือถูก

"พวกเรามีอาชีพตำรวจ ทำงานแบบตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่ต้องกลัวว่าที่นี่จะลำเอียง จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกันต้องขอขอบคุณทนายตั้มที่นำข้อมูลมาให้ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความสะอาดบ้านตัวเอง 
และก็ต้องบอกว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีคำนิยามว่ายศใหญ่ยศเล็กทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนสามารถเดินเข้ามาได้แค่หลักฐานอันเดียวก็สามารถจับนักการเมืองใหญ่ๆได้วันนี้บ้านเมืองต้องอยู่ด้วยกฎหมาย"พล.ต.ตจรูญเกียรติกล่าว 

ส่วนกรณีที่ หลายคนมองว่าพล.ต.ตจรูญเกียรติ เป็นเด็กบิ๊กต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “ผมเติบโตมาจากการทำงานโดยเฉพาะ ไม่เคยเลียตูดนายเพื่อความเจริญก้าวหน้า ผมโตมาด้วยสองมือสองขาและสมองของผม ผมทำงานตามอุดมการณ์และตามความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย ปมไม่ได้เป็นเด็กบิ๊กต่อหรือคนอื่นๆ ทุกคนจะรู้ว่าผมทำงานเพื่อส่วนรวมมาทั้งชีวิต ผมมีอุดมการณ์ของผมที่จะเดิน ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อความถูกต้องและความเป็นธรรม”

เมื่อถามว่า ถ้าพบนายตำรวจระดับใหญ่เกี่ยวข้องจะและพบความผิดจริงไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็จับใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ต้องบอกว่า “ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ทุกคนเข้าไปพักผ่อนได้สบาย ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีลำเอียง ยากจกหรือขุนนาง เราเป็นตำรวจก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีใครช่วยใครเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่”

'บิ๊กเต่า'รับหลักฐาน'ทนายษิทรา'สอบเส้นเงินเว็บพนันโยง'บิ๊กตร.'

ที่สภาทนายความฯ ย่านบางเขน นางสาว น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่เกิดคดีที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และปรากฎข้อมูลว่ามีนักข่าวบางส่วนรับเงินจากแหล่งข่าว โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่แล้วเสร็จ และล่าสุดจากการแถลงข่าวของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ก็มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีนักข่าวและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รับเงินจากแหล่งข่าวและเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะอุปนายก ตัวย่อ ว. จึงจะขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับคดีดังกล่าวไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้นายจีรพงษ์ ยังบอกอีกว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้พบกับทนายตั้มและได้พูดคุยกันเล็กน้อยและสอบถามถึงข้อเท็จจริง โดยชี้แจงว่าอุปนายกของสมาคมฯ ตัวย่อ ว. ในอดีตมีหลายคน ซึ่งทนายตั้มก็ยืนยันว่าข้อมูลการรับเงินเป็นไปตามที่เผยแพร่ และเป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้พาดพิงถึงตัวองค์กร ส่วนจะเป็นอุปนายกท่านใดนั้น ให้ทางสมาคมฯ ไปตรวจสอบกันเอง อย่างไรก็ตามนายจีรพงษ์ยอมรับว่าการที่ทนายตั้มออกมาเปิดเผยแค่ตัวย่อ ทำให้ยากที่องค์กรจะตรวจสอบ เพราะไม่อยากพุ่งเป้าไปที่คนใดคนหนึ่ง เพียงเพราะมีตัว ย่อ ว. เหมือนกัน จะกลายเป็นการกล่าวหาบุคคลนั้น ทั้งที่ตัวย่อดังกล่าวมีหลายคน แต่ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ยินดีที่จะถูกตรวจสอบหรือถูกคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียกมาให้ข้อมูล

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากรณีนี้จะสามารถตรวจสอบมรรยาททนายความของทนายตั้มได้หรือไม่ นายจีรพงษ์บอกว่า จะมีการหารือในประเด็นนี้กับสภาทนายความด้วย แต่ก็เป็นเพียงประเด็นร้อง 

ด้าน ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า การตรวจสอบนักข่าวที่รับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกแค่บางปากก็จะเสร็จสมบูรณ์ และเมื่อมีการยื่นขอให้ตรวจสอบกรณีที่ทนายตั้มแฉเพิ่มเติม ตนเองก็จะรับเรื่องไว้ และคาดว่าน่าจะสอบพยานเพิ่มเติมอีกไม่มาก จากเดิมที่สภาทนายความตั้งกรอบระยะเวลาไว้ 90 วัน ตอนนี้ใกล้ครบกำหนดแล้ว ดังนั้นก็คาดว่าจะขยายเวลาออกไปอีกประมาณ 1 เดือน ก็น่าจะเพียงพอในการตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ก่อนจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบในคราวเดียวกัน

ส่วนกรณีที่ทนายตั้มออกมาแถลงข่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่นในที่สาธารณะ จนทำให้เกิดความเสียหายนั้น ผิดมรรยาททนายความหรือไม่ 

ดร.วิเชียร บอกว่ายังไม่ได้ดูการแถลงข่าวอย่างละเอียด แต่โดยหลักการสภาทนายความมีข้อบังคับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำหน้าที่ในศาลหรือสถานที่ใด หากพิจารณาแล้วหมิ่นเหม่หรือฝ่าฝืนข้อบังคับ ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเป็นคดีมรรยาททนายความได้ ซึ่งการตรวจสอบมรรยาททนายความนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของนายกสภาทนายความ แต่เป็นอำนาจของประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความจะพิจารณาหากเห็นว่าพฤติกรรมของทนายความท่านใดเข้าข่ายผิดข้อบังคับของทนายความ หรือมีผู้ร้องเรียนมรรยาททนายความคนดังกล่าว ก็สามารถตั้งเรื่องตรวจสอบได้ จากนั้นเมื่อคณะกรรมการตรวจสอบแล้วก็จะผลความเห็นกลับมาที่นายกสภาทนายความ ให้พิจารณาถึงบทลงโทษหากพบว่าฝ่าฝืนข้อบังคับทนายต่อไป

ส่วนที่ทนายความของพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะยื่นฟ้องเอาผิดทนายตั้มนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของคู่กรณีที่สามารถกระทำได้ ซึ่งก็ต้องรอผลตัดสินของศาลถึงที่สุด 

อย่างไรก็ตามสภาทนายความมีข้อบังคับข้อหนึ่งว่า หากศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีที่ไม่ใช่ข้อหาประมาท หรือความผิดลหุโทษ และจำเลยเป็นทนายความ ก็จะมีการส่งเรื่องมาที่สภาทนายความเพื่อให้ถอดถอนรายชื่อจากการเป็นทนายความอยู่แล้ว และคู่กรณียังสามารถร้องเรียนต่อสภาทนายความควบคู่กันได้ด้วย 

ทั้งนี้ยังฝากถึงทนายความ ว่าทนายทุกคนสามารถที่จะแถลงข่าวในประเด็นต่างๆ ได้ แต่จะต้องมีเหตุผลและหลักฐานที่เพียงพอ รวมถึงต้องไม่ฝ่าฝืนข้อบังคับของมรรยาททนายความ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าวในคดีแรกล่าช้า ทั้งที่สอบข้อเท็จจริงพยานไปเกือบเสร็จแล้ว เนื่องจากยังรอพยานปากสำคัญอย่าง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าให้ปากคำอยู่ ซึ่งมีรายงานอีกว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เพิ่งจะประสานสภาทนายความมาเมื่อคืนนี้ ว่าอาจจะเข้าให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า

ขณะที่ให้หน้าเพจเฟซบุ๊กของทนายตั้ม ยังเปิดเผยข้อมูลว่า อุปนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ อักษรย่อ ว. ได้รับเงินจากบัญชีม้าส่วยตั้งแต่ปี 2020 เป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท / ต่อมาปี 2021-2022 ก็ได้เพิ่มเป็นเดือนละ 30,000-50,000 บาทด้วย