สแกน อินเตอร์ – เมตะคอร์ปอเรชั่น - อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค เปิดตัว“โรงไฟฟ้ามินบู” เฟสแรก 50 เมกะวัตต์

คณะผู้บริหารและทีมงาน บริษัท จีอีพี (เมียนมาร์) โดยความร่วมมือของ 3 บริษัท และกลุ่มผู้ก่อตั้งโครงการ ผู้ลงทุนหลัก คือ บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) และ บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) เข้าร่วมพิธีเปิดโรงไฟฟ้ามินบู เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกกะวัตต์ ณ สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 62

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา พร้อมด้วย รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการไฟฟ้าและพลังงาน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเมียนมา และหัวหน้าคณะรัฐมนตรีแห่งรัฐมาเกวย เป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกกะวัตต์

โรงไฟฟ้ามินบูเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แห่งแรกในเมียนมา โดยเฟส1 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกกะวัตต์ พื้นที่รวมของโครงการมีขนาด 836 เอเคอร์ หรือเท่ากับ 2,115 ไร่ ซึ่งได้รับสิทธิเช่าพื้นที่จากรัฐบาล และบริษัทในเมียนมา และเมื่อมีการจ่ายไฟแล้ว จะขายให้กับหน่วยงานจัดหาพลังงานภายใต้กระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน ของรัฐบาลเมียนมา มีกำลังการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ 2 แสนครัวเรือน

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN เปิดเผยว่า หลังจากโครงการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ( ซีโอดี ) แล้ว SCN จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 40 % ซึ่งจะส่งผลให้การรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ลงทุนในโครงการดังกล่าวสัดส่วน 20 % ผ่านบริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ ในฐานะบริษัทย่อยของบริษัท คาดว่าจะเริ่มซีโอดี เฟสที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ ภายในไม่เกินไตรมาส 2-3 นี้ ส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันทีในครึ่งปีหลัง

นายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร META เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้ามินบูเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา จากความสำเร็จของโครงการดังกล่าว จะทำให้ META รับรู้รายได้จาก 2 ทาง คือ รายได้จากการจำหน่ายไฟและรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2562 นี้ และจะดำเนินการก่อสร้างโครงโรงไฟฟ้ามินบูเฟส 2,3,และ 4 ทันที ตามลำดับ