posttoday

เปิดสถิติครึ่งปี "ก.ล.ต."ฟันปั่นหุ้น1พันล้าน

11 มิถุนายน 2561

เปิดสถิติครึ่งปีแรก ใช้กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับที่ 5 เชือดก๊วนปั่นหุ้นได้ดีสั่งปรับและเรียกคืนผลประโยชน์รวมกว่า 1,000 ล้าน

เปิดสถิติครึ่งปีแรก ใช้กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับที่ 5 เชือดก๊วนปั่นหุ้นได้ดีสั่งปรับและเรียกคืนผลประโยชน์รวมกว่า 1,000 ล้าน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 8 มิ.ย. 2561 ก.ล.ต.ได้ดำเนินการคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งรวมทั้งสิ้น 5 รายการ มีมูลค่าปรับทางแพ่งและเรียกคืนผลประโยชน์ทั้งสิ้น 1,020.49 ล้านบาท ในจำนวนนี้มี 1 รายการ ที่ผู้ถูกใช้มาตรการทางแพ่งมิยอม จึงต้องส่งอัยการฟ้องต่อศาล ซึ่งมีมูลค่าปรับทางแพ่งและเรียกคืนผลประโยชน์ 890 ล้านบาท

ทั้งนี้ การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง ประกอบด้วย กรณี 1.บริษัท โพลาริส แคปปิตัล (POLAR) และผู้บริหาร 2 ราย ได้แก่ นายญาณกร วรากุลรักษ์ และนายพูนศักดิ์ ชุมช่วย ปกปิดข้อความที่ควรแจ้งในสาระสำคัญ ขอศาลแพ่งให้กำหนดค่าปรับทางแพ่งรายละ 2 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท 2.มาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการบริษัท ผาแดง อินดัสทรี (PDI) คือ นายพินิต วงศ์มาศา ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น PDI ปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ 1.91 ล้านบาท 3.ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด 25 ราย กรณีร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ NEWS MILL POLAR NBC NINE และ NINE-W1 ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวนกว่า 890 ล้านบาท 4.สร้างราคาหลักทรัพย์บริษัท แอสเซท ไบร์ท (ABC) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวมกว่า 120 ล้านบาท และ 5.ลงโทษทางแพ่งกับกรรมการบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป (MODERN) เรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 2.58 ล้านบาท

นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า หลังกฎหมายฉบับที่ 5 ใช้มา 1 ปีกว่าๆ ถือว่าสามารถป้องปราบการกระทำไม่เหมาะสม ดูแลนักลงทุนได้ดีขึ้น รวมถึงในการใช้กฎหมายผู้ปฏิบัติและผู้ถือเกี่ยวข้องในระบบ มีความเข้าใจและลดความกังวลไปเยอะจากครั้งแรกที่กฎหมายบังคับใช้

สำหรับกฎหมายฉบับที่ 6 ซึ่งผ่านคณะรัฐมนตรีรอตามขั้นตอน ซึ่งกฎหมายชุดนี้ที่ยกระดับการกำกับดูแลตลาดทุนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีเรื่องหลักๆ อยู่ใน 6 เรื่องใหญ่ อนาคตเมื่อมีผลบังคับใช้ก็จะทำให้ ก.ล.ต.มีเครื่องมือในการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและทำให้การประเมินผลตามโครงการ FSAP ปีนี้คะแนนของไทยน่าจะดีขึ้น