หุ้นไทยร่วงแรง!เจอขายทำกำไรปิดภาคเช้าลดลง17.14จุด

หุ้นไทยเจอแรงขายทำกำไรปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,736.46 จุด ลดลง 17.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 30,553.52 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า และปิดที่ระดับ 1,736.46 จุด ลดลง 17.14 จุด หรือ 0.98% มูลค่าการซื้อขาย 30,553.52 ล้านบาท โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,751.04 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,734.11 จุด

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากแรงขายทำกำไรหลังจากที่มองว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดสูงสุด (Peak) ไปแล้ว และขณะนี้ราคาปิโตรฯเริ่มอ่อนตัวลง นอกจากนี้ หุ้นตัวอื่นเทรดที่ P/E สูงและไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนเพิ่ม อย่างเช่น CPALL เป็นต้น ทำให้เผชิญแรงขายทำกำไรออกมาด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ ซึ่งตลาดบ้านเราอ่อนแอกว่าตลาดอื่นในกลุ่ม TIP ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งแรงขายที่เกิดขึ้นมากในตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะมาจากนักลงทุนต่างชาติ หลังจากวานนี้ขายสุทธิกว่า 4,000 ล้านบาทและวันนี้ยังขายอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมามาก ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเตรียมเงินไว้ซื้อหุ้นจีน หลังจากที่ MSCI Emerging Market Index จะนำหุ้น A-Share ของจีนกว่า 200 ตัวเข้ามาคำนวนดัชนี ซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ถือว่าเป็นการปรับครั้งใหญ่ ส่งผลให้นักลงทุนต้องปรับพอร์ตการลงทุนไปด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ยังคงกดดันตลาดฯเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยังต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด รวมถึงทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะขณะนี้แข็งค่าทำให้ไปช่วยหนุนการไหลออกของ Fund Flow ขณะที่เงินบาทก็ยังอ่อนค่า

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบอยู่ โดยมีแนวรับ 1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,622.14 ล้านบาท ปิดที่ 52.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,437.11 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท ลดลง 0.70 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,131.17 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,067.53 ล้านบาท ปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 3.00 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 933.71 ล้านบาท ปิดที่ 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท