หุ้นไทย26เม.ย.ปิดภาคเช้าร่วง3.46จุด

ตลาดหุ้นไทย 26 เม.ย. ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,776.06 จุด ลดลง 3.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 22,775.27 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบก่อนปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,776.06 จุด ลดลง 3.46 จุด หรือ 0.19% มูลค่าการซื้อขาย 22,775.27 ล้านบาท โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,785.28 และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,773.45 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่เผชิญแรงขายทำกำไรกดดัน จากความกังวลความเสี่ยงจากการขายของนักลงทุนต่างชาติ และเงินทุนไหลออก หลังจากอัตราตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 3% ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดเกิดใหม่เป็นลบ

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราเผชิญแรงขายทำกำไรจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่หุ้นที่ปรับตัวลงมากก็มีการฟื้นตัวขึ้น อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากที่ราคาหุ้นได้สะท้อนการยกเลิกค่าธรรมเนียมไปแล้ว

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งถ้านโยบายออกมาเป็นลักษณะผ่อนคลายทางการเงิน ก็อาจทำให้ Bond Yield ไม่ขึ้นเร็วก็ได้ อย่างไรก็ดี รอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ด้วย ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ แต่ถ้าผลออกมาปรับชึ้นอัตราดอกเบี้ย ตลาดฯอาจตื่นตระหนกได้

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพณ กล่วว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,775-1,800 จุด ซึ่งถ้าหากดัชนีฯสามารถผ่าน 1,800 จุดไปได้ภาพตลาดฯจะดี แต่ถ้าดัชนีฯลงมาต่ำกว่าระดับ 1,775 จุด ก็แนะนำให้ชะลอการเก็งกำไร

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,755.70 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,552.54 ล้านบาท ปิดที่ 470.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,119.74 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 772.98 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 679.26 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท