posttoday

'เดอะมอลล์'ถือหุ้นเวฟ9.99%

05 เมษายน 2561

เดอะมอลล์ รุกตลาดทุน ถือหุ้นเวฟ 9.99% ตั้งที่ปรึกษาจัดโครงสร้าง จับตาระดมทุนผ่านกองรีท

เดอะมอลล์ รุกตลาดทุน ถือหุ้นเวฟ 9.99% ตั้งที่ปรึกษาจัดโครงสร้าง จับตาระดมทุนผ่านกองรีท

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า ได้ซื้อหุ้นบริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) สัดส่วน 9.99%

ทั้งนี้ เป็นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่เวฟเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด หรือแบบพีพี จำนวน 46.75 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท ที่ราคาเสนอขาย 3.85 บาท/หุ้น รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 179.99 ล้านบาท

ภายหลังการเพิ่มทุนของเวฟครั้งนี้ จะทำให้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ที่สัดส่วน 9.99% และต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ห้ามขายหุ้น (ไซเรนต์พีเรียด) โดยมีระยะเวลาห้ามขาย 1 ปี ขณะที่ครอบครัวมาลีนนท์ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 37.42% นายณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้น 9.27% และผู้ถือหุ้นอื่นๆ 43.31%

เวฟระบุวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินสำรองในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย และเพื่อชำระคืนหนี้บางส่วนให้แก่สถาบันทางการเงิน นอกจากนี้จะทำให้มีต้นทุนการเงินที่ต่ำลงในอนาคต และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในอนาคต

ด้านแหล่งข่าวจากตลาดทุน เปิดเผยว่า กรณีเดอะมอลล์ กรุ๊ป ถือหุ้นใน เวฟคงไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม (แบ็กดอร์ ลิสติ้ง)

อย่างไรก็ตาม เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความสนใจที่จะจัดโครงสร้างภายในกลุ่ม และน่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อนำทรัพย์สินของบริษัทในเครือมาบริหารจัดการและมีแนวโน้มว่า จะออกมาในรูปแบบจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) มากกว่า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน

"เป็นขั้นตอนตามปกติที่บริษัทขนาดใหญ่และมีทรัพย์สินจำนวนมาก จะจัดโครงสร้างบริษัท และต้องการบริหารจัดการ แต่คงไม่ได้เป็นการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม" แหล่งข่าวเปิดเผย

ทั้งนี้ ปัจจุบันเวฟ มีนายแมทธิว กิจโอธาน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ ขณะที่มีกระแสข่าวว่า นายแมทธิวได้เข้าไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของเดอะมอลล์ กรุ๊ป

สำหรับผลการดำเนินงานเวฟ ปี 2560 มีรายได้รวม 2,493.93 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 268.32 ล้านบาท ปี 2559 มีกำไรสุทธิ 56.98 ล้านบาท มีรายได้รวม3,132.28 ล้านบาท