หุ้นไทย18ม.ค.ปิดร่วง9.56จุด

หุ้นไทย 18 ม.ค. ดัชนีปิดที่ระดับ 1,819.32 จุด ลดลง 9.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,813.26 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบก่อนปิดที่ระดับ 1,819.32 จุด ลดลง 9.56 จุด หรือ 0.52% มูลค่าการซื้อขาย 81,813.26 ล้านบาท โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,837.92 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,819.18 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง หลังจากที่พยายามจะขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,830 จุด แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ถูก Take Profit ออกมา ซึ่งตลาดฯก็ยังอยู่ในภาวะของการปรับฐาน ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่แจ้งผลประกอบการของแบงก์แล้ว ก็มักจะเกิด Sell on fact

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบสลับกัน พร้อมให้ติดตามทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมัน

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (19 ม.ค.) นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังอยู่ในภาวะของการปรับฐาน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,815 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830 จุด

ด้าน นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนอิงทางลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงบ่าย นับว่าปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยดัชนีเผชิญแรงกดดัน 3 สาเหตุหลัก ค่าเงินบาทอ่อนค่า หลังมีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ระบุ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังตรวจสอบสถาบันการเงินบางแห่งที่มีธุรกรรมทางการเงินเอื้อต่อการเก็งกำไรค่าเงิน จึงทำให้มีแรงเทขายทำกำไร จนค่าเงินบาทอ่อนค่า ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับเพิ่มขึ้น เช่น พันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนขยับขึ้นมาทะลุ 2.6% ซึ่งทำสถิติใหม่ในรอบเกือบ 1 ปี พันธบัตรสหรัฐฯ จึงน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเกิดใหม่และโบรกเกอร์ต่างชาติแห่งหนึ่ง ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย เนื่องจากมองว่าดัชนีฯ ที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า มาจากสภาพคล่องและผลทางจิตวิทยา โดยที่กำไรต่อหุ้นไม่ได้ขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบเฉพาะกลุ่ม หลังการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่สูงกว่าคาดเล็กน้อย จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นบางกลุ่ม ซึ่งเห็นชัดเจนในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ราคาหุ้นต่างปรับลงแรง

สำหรับพรุ่งนี้ คาดหุ้นไทยเคลือนไหวในกรอบแคบ โดยให้ติดตามแนวโน้มค่าเงินบาท และทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หากค่าเงินบาทยังอ่อนค่า และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังขยับเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุน

กลยุทธ์ แนะสลับไปเก็งกำไรหุ้นที่ยังราคายังขึ้นน้อยกว่าปัจจัยพื้นฐาน และมีปันผลสูงอย่างกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (property) พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,805 จุด แนวต้าน 1,830 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่           

AOT     มูลค่าการซื้อขาย 4,340.44 ล้านบาท ปิดที่  70.25 บาท ลดลง   0.25 บาท

BANPU   มูลค่าการซื้อขาย 3,503.99 ล้านบาท ปิดที่  22.60 บาท เพิ่มขึ้น  0.50 บาท

EA      มูลค่าการซื้อขาย 3,471.68 ล้านบาท ปิดที่  67.50 บาท ลดลง   0.25 บาท

BEAUTY  มูลค่าการซื้อขาย 3,308.01 ล้านบาท ปิดที่  21.40 บาท เพิ่มขึ้น  1.50 บาท

PTT     มูลค่าการซื้อขาย 3,146.06 ล้านบาท ปิดที่ 480.00 บาท ลดลง   4.00 บาท