posttoday

"1,800 จุด" พ.ศนี้ไม่ดอย

08 มกราคม 2561

หุ้นไทย 3 วันแรกของปี 2561 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2518

โดย...ทีมข่าวหุ้นตลาดทุน

หุ้นไทย 3 วันแรกของปี 2561 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 2518 โดย 3 วันแรกดัชนี บวกไปแล้ว 41.74 จุด หรือ 2.38% โดยดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,795.45 จุด มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 8.87 หมื่นล้านบาท

รอกันนานกว่า 24 ปี ดัชนีหุ้นไทยถึงจะทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี 2537 ที่ 1,789 จุด แล้วใน พ.ศ.นี้ดัชนีที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดระหว่างที่ 1,803.93 จุด แตะ 1,800 จุดแล้ว พื้นฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนจะรองรับได้ไหม

ขณะที่สัปดาห์นี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะวิ่งขึ้นได้ต่อ เพราะหากดูตลาดหุ้นสหรัฐช่วงที่หุ้นไทยหยุดทำการดาวโจนส์ยังคงพุ่งทำสถิติสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 220.74 จุด ปิดที่ 25,295.87 จุด ขณะที่อัตราการว่างงานต่ำสุดในรอบ 17 ปี

พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีใน พ.ศนี้ถือว่ามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งรองรับได้ เพราะหากดูขนาดเศรษฐกิจของไทยถือว่าใหญ่ขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2537 ที่ดัชนีเคยแตะระดับสูงสุด ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจก็ยังคงเติบโตได้ดี ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัว เงินเฟ้อ และดอกเบี้ยยังต่ำยังคงเอื้อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อไปได้

“จะเห็นว่าหุ้นที่ขึ้นมารอบนี้ หุ้นที่ SET50 วิ่งขึ้นทุกตัว ขณะที่หุ้นใหญ่อย่าง ปตท. (PTT) ก็พุ่งขึ้นแข็งแกร่งมาก ซึ่งระดับราคา ปตท. เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นฐานในการทำธุรกิจแล้วถือว่าแข็งแกร่งมาก ซึ่งโอกาสที่เราจะเห็นกำไรของ ปตท.ไปแตะที่ 9.5 หมื่นล้านบาท เหมือนในอดีตที่เกิดขึ้นมาแล้วในปี 2548 ก็จะเกิดขึ้น”

5 หุ้นเครือ ปตท. มาร์เก็ตแคป 2.53 ล้านล้าน

อย่างไรก็ตาม ช่วง 3 วันแรกของปีหุ้นในเครือ ปตท.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 5 บริษัท ประกอบด้วย PTT บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บริษัท ไทยออยล์ (TOP) และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ราคาหุ้นขึ้นทุกตัว ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของทั้งกลุ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.53 ล้านบาท จากสิ้นปีอยู่ที่ 2.34 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมา 1.9 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ แยกเป็น ในส่วนของ PTT ตัวเดียวมาร์เก็ตแคปขึ้นมาอยู่ที่ 1.33 ล้านบาท ณ ราคาปิดเมื่อ 5 ม.ค. 2561 ที่ 468 บาท/หุ้น PTTEP ขึ้นมาอยู่ที่ 4.24 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 3.96 แสนล้านบาท โดยล่าสุดราคาหุ้นปิดที่ 107 บาท PTTGC มาร์เก็ตแคป อยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท จากสิ้นปีอยู่ที่ 3.83 แสนล้านบาท โดยล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 90.25 บาท TOP มาร์เก็ตแคปขึ้นมาอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท จากสิ้นปีอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท ล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 107 ล้านบาท และ GPSC มาร์เก็ตแคปขึ้นมาอยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท จากสิ้นปีอยู่ที่ 1.07 แสนล้านบาท โดยล่าสุดราคาหุ้นซื้อขายที่ 74.25 บาท

ธนาคารจะขึ้นแรงต่อจากพลังงาน

ประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุว่า รอกันมา 24 ปีในที่สุด ดัชนีก็ขึ้นมาเกิน 1,789 จุด และสามารถปิดตัวทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 1,791.02 จุด เป็นที่น่าสังเกตุว่าการขึ้นทำ All Time High รอบนี้ไม่ได้ขึ้นพร้อมกันทั้งกระดาน แต่เลือกขึ้นเฉพาะกลุ่มหุ้นบิ๊กแคปที่มีมูลค่าต่ำ เช่น ธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มที่มีมูลค่าแพงอย่าง โรงแรม บันเทิง อาหาร โรงพยาบาล ค้าปลีก กลับถูกขายหนักจนปรับลงสวนตลาด

“ตั้งแต่เปิดปีใหม่มากลุ่มที่นำตลาดชัดเจนที่สุดคือ พลังงานและปิโตรเคมี ขณะที่บิ๊กแคปที่มูลค่าไม่แพงอย่าง ธนาคารยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าตลาด จังหวะแบบนี้มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าสะสมกลุ่มธนาคารแบบเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดเชื่อว่ากระแสเงินจะต้องทำการสลับกลุ่มลงทุน และโยกมาเน้นหนักที่กลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธนาคารพลิกกลับมานำตลาดได้ในไม่ช้า”

ส่วนกลุ่มธนาคารนอกจากจะได้เรื่อง Valuation ถูก ยังมีเรื่องการเก็งผลประกอบการงวดไตรมาส 4 ที่ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรกลุ่ม 8 แห่งที่วิเคราะห์ จะมีกำไรสุทธิ 3.82 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดปีก่อน แต่ขยายตัว 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยธนาคารขนาดใหญ่ BBL KTB ทรงตัว แต่ SCB จะมีกำไรลดลง 21.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนธนาคารขนาดเล็ก TISCO และ TCAP จะขยายตัวดีทั้งไตรมาสก่อนหน้าและเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน

สัปดาห์นี้มีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้นต่อและไปทดสอบ 1,817 จุดในระยะอันใกล้นี้ โดยคาดว่า Fund Flow จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ