หุ้นไทย21พ.ย.ดัชนีปิดร่วง3.90จุด
หุ้นไทย 21 พ.ย.ดัชนีปิดที่ระดับ 1,710.48 ลดลง 3.90 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 56,246.99 ล้านบาท
หุ้นไทย 21 พ.ย.ดัชนีปิดที่ระดับ 1,710.48 ลดลง 3.90 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 56,246.99 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบ ก่อนปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,710.48 ลดลง 3.90 จุด หรือ 0.23% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 56,246.99 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดปรับตัวลดลง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนตลาดที่ชัดเจน บวกกับมีการขายทำกำไรตามปกติ สำหรับปัจจัยในประเทศจากกรณีที่ตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดไม่ตอบรับมากนัก เพราะจบการประการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 3 แล้ว ขณะที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ก็ไม่ถูก แต่มองเรื่องจีดีพีจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ดี การปรับลดของดัชนีลงไม่มากนัก เนื่องจากยังมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) เข้ามาซื้อเป็นระยะ บวกกับกลุ่มนักลงทุนสถาบันยังมีบทบาทต่อตลาด ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศลดลงบทบาทลง
ด้านปัจจัยในต่างประเทศต้องจับตาเยอรมันนีที่มีประเด็นการเมือง ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นอยู่บ้าง แต่ผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มาก
"กรอบการเคลื่อนไหวหุ้นสัปดาห์นี้ 1,680 – 1,720 ได้ แม้มีการขายทำกำไรหุ้นต่อเนื่อง แต่หากดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,700 จุด ได้ตลาดก็น่าจะไปต่อได้ ยกเว้นว่าลงไปต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 1,680 จุด นักลงทุนต้องกลับมาทบทวนใหม่"น.ส.ธีรดากล่าว
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,606 ล้านบาท ปิดที่ 488.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท (+1.67%)
IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,584 ล้านบาท ปิดที่ 49.25บาท ลดลง 1.50 บาท (-2.96%)
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,070 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+1.72%)
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,931 ล้านบาท ปิดที่ 74.50 บาท ลดลง 1.75 บาท (-2.30%)
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,433 ล้านบาท ปิดที่ 414.00 บาท ลดลง 2.00 บาท (-0.48%)