posttoday

"เพซ"ขายสิทธิ "ดีนแอนด์เดลูก้า" นอกสหรัฐให้กลุ่มเซ็นทรัล

02 ตุลาคม 2560

เพซ ดีเวลลอปเมนท์ขายสิทธิในการดำเนินธุรกิจ "ดีน แอนด์ เดลูก้า" นอกสหรัฐให้กลุ่มเซ็นทรัล

เพซ ดีเวลลอปเมนท์ขายสิทธิในการดำเนินธุรกิจ "ดีน แอนด์ เดลูก้า" นอกสหรัฐให้กลุ่มเซ็นทรัล

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) เปิดเผยว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้เสนอซื้อสิทธิในการดำเนินธุรกิจคาเฟ่ ร้านอาหาร B2B และ E-Commerce ของดีน แอนด์ เดลูก้า อินเตอร์เนชั่นแนล ในส่วนนอกสหรัฐอเมริกา มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลนับเป็นองค์กรที่มีศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่า การได้กลุ่มเซ็นทรัลมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจจะช่วยผลักดันให้ ดีน แอนด์ เดลูก้า สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วยิ่งขึ้นในระดับโลก

จากข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจนี้ ส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลจะได้รับสิทธิในการดำเนินธุรกิจและขยายสาขาเพิ่มเติมทั้งในตลาดปัจจุบันและประเทศใหม่ๆ นอกสหรัฐอเมริกา ในขณะที่เพซยังคงถือสิทธิในแบรนด์ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา รวมถึงสิทธิในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์แบรนด์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งหมดภายใต้เครื่องหมายการค้าดีน แอนด์ เดลูก้าทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล และเพซมีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดธุรกิจนี้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์แบรนด์ ที่บริษัทตั้งเป้าจะขยายไปยังช่องทางจัดจำหน่ายทั่วไป และผ่านช่องทางของร้านดีน แอนด์ เดลูก้า ทั่วโลก

นายสรพจน์ ระบุด้วยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้าทั่วโลก โดยเพชจะสามารถโฟกัสเดินหน้าขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงการต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ได้อย่างเต็มที่ และเพซจะยังคงทำงานร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลอย่างใกล้ชิดเพื่อคงรักษามาตรฐานด้านคุณภาพและการบริการของแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานบริหาร บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้พัฒนาต่อยอดธุรกิจ ดีน แอนด์ เดลูก้า ร่วมกับเพซ ซึ่งดีน แอนด์ เดลูก้านับเป็นแบรนด์ที่มีความน่าสนใจ ทั้งเอกลักษณ์และความเป็นมาที่สะท้อนถึงความทันสมัยสไตล์นิวยอร์ค ซึ่งที่ผ่านมา เพซ ได้รักษามาตรฐานตลอดจนพัฒนาต่อยอดจนแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้าเป็นที่ยอมรับในวงกว้างและมีชื่อเสียงถึงความพรีเมียมทั้งตัวสินค้าและการบริการ ทางบริษัทฯ จึงมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้แบรนด์ระดับไอคอนนี้เข้ามาเสริมพอร์ทโฟลิโอของกลุ่มเซ็นทรัล โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างเพซและกลุ่มเซ็นทรัลในระยะยาวต่อไปในอนาคต

สำหรับกรอบความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินและฐานะกิจการ (Due Diligence) รวมถึงเจรจาเงื่อนไขและรายละเอียดความร่วมมือ

ทั้งนี้ ดีน แอนด์ เดลูก้า เป็นแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ไอคอนจากนิวยอร์ค ภายใต้การบริหารงานของ ดีน แอนด์ เดลูก้า โฮลดิ้ง อิงค์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบัน เพซ ถือหุ้นอยู่ 100% โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 หน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ดีน แอนด์ เดลูก้า สหรัฐอเมริกา 2) ดีน แอนด์ เดลูก้า อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินธุรกิจดีน แอนด์ เดลูก้า นอกสหรัฐอเมริกา ทั้งในรูปแบบลงทุนเอง แบบร่วมทุน และแบบให้สิทธิแฟรนไชส์ 3) ดีน แอนด์ เดลูก้า คอนซูเมอร์ แบรนด์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งหมดภายใต้เครื่องหมายการค้า ดีน แอนด์ เดลูก้าทั่วโลก

ปัจจุบัน เพซ มีโครงการที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ณ โครงการมหานคร โครงการมหาสมุทรวิลล่า โครงการนิมิต หลังสวน และ โครงการวินด์เชลล์ นราธิวาส ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าแบ็คล็อคทั้งหมด 1.75 หมื่นล้านบาท  ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสองของปี 2559 ที่ผ่านมา

บริษัทฯได้ทยอยชำระหนี้หุ้นกู้และตั๋วบีอีเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท สำหรับโครงการมหานคร ปัจจุบันมียอดโอนรวมที่ประมาณ 4,800 พันล้านบาท ซึ่งได้ทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาสสอง ของปี 2559 ในขณะที่โครงการมหาสมุทร วิลล่า จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนโครงการอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าด้านการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการนิมิต หลังสวน ปัจจุบันสร้างถึงชั้น 7 และโครงการวินด์เชลล์ นราธิวาส สร้างถึงชั้นที่ 3 และเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการวินด์เชลล์ นราธิวาสเร็วๆ นี้ บริษัทฯ คาดว่า จากยอดโอนที่ทยอยโอนอย่างต่อเนื่องบวกกับเงินทุนจากแหล่งอื่นจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถชำระหนี้หุ้นกู้และตั๋วบีอีทั้งหมดได้เร็วๆ นี้