posttoday

มีลุ้นบวกต่อ

24 มิถุนายน 2560

ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวในกรอบแคบ อย่างไรก็ตามหากมองไปข้างหน้า

โดย...อรลักษณ์ วงศ์มาศา นักวิเคราะห์อนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)

ตลาดหุ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวในกรอบแคบ อย่างไรก็ตามหากมองไปข้างหน้า คาดว่าภาพในครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นบวกมากขึ้น โดยประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสที่จะเริ่มปรับขึ้นได้

ทั้งนี้ KGI ประเมินเป้าหมายดัชนี SET ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่ 1,640 จุด อิงมูลค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) ที่ 15 เท่า คิดจากกำไรต่อหุ้นในช่วงกลางปี 2561 ที่ 109.3 มีส่วนต่างราว 60 จุด จากระดับปัจจุบันที่ 1,580 จุด เราคาดหวังฟันด์โฟลล์จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นเพียง 2.5% ค่อนข้างน้อย หากเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ เช่น ดัชนีดาวโจนส์ขึ้นราว 8% ฟิลิปปินส์ ขึ้นราว 15% อินโดนีเซีย ขึ้นราว 10% ส่วนหนึ่งมาจากคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปีนี้ตลาดหุ้นไทยโตเพียง 8%

อย่างไรก็ตาม หากมองข้ามไปในปีหน้าคาดการณ์กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยจะโตขึ้นเป็น 11% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค ในเชิงมูลค่าตลาดหุ้นไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และดัชนีดาวโจนส์ปัจจุบันซื้อขายกันที่ พี/อี ที่ 16 เท่า, 21 เท่า, 24 เท่า และ 18 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูน่าสนใจและมีโอกาสปรับขึ้นหากเทียบกับตลาดอื่นๆ

ด้านปัจจัยภายนอก ยังคงมุมมองเดิมที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่น่าจะรีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะขึ้นอีกเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือน ธ.ค. ทำให้ยังคงมีช่วงเวลาอีก 6 เดือนกว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นน่าจะคลายความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้น

สำหรับประเด็นเพิ่มเติมที่ตลาดให้ความสนใจคือการปรับลดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าเฟดจะประกาศเรื่องการปรับลดการถือพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ในช่วงปลายปีนี้และจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ในสามเดือนแรกและสิบห้าเดือนแรกที่ลดงบดุลอาจลดลงเพียงแค่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐและ 4.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามแนวโน้มเหรียญสหรัฐในช่วงใกล้การประกาศอาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

ด้านราคาน้ำมัน แม้ว่ากลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) จะบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันลงเป็นไปตามที่เราคาด แต่ปัจจัยเสี่ยงจากปริมาณน้ำมันในส่วนที่ไม่อยู่ในข้อตกลงกลับมาเร่งตัวขึ้นแรงกว่าคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐ รวมทั้งในส่วนของลิเบียและไนจีเรียสองประเทศที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องลดปริมาณผลิตน้ำมันตามข้อตกลงของโอเปก ซ้ำร้ายรายงานสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ สำนักงานพลังงานสากล (อีไอเอ) ที่ออกมาปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันสหรัฐในปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน และรายงานของสำนักงานพลังงานสากล ไออีเอ ที่ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันส่วนนอกจากโอเปกในปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรล/วัน และ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันล้นกลับมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าขาลงน่าจะจำกัด ราคาน้ำมันเวสต์เทกซัส (WTI) ไม่น่าจะต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากภาวะความต้องการในไตรมาส 3 น่าจะปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งจากความต้องการใช้น้ำมันของผู้บริโภคที่มากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันลดต่ำลง จะหนุนให้ภาวะการผลิตน้ำมันไม่ล้นตลาดมากนัก ประกอบกับหากทิศทางราคาน้ำมันลดลงแรง กลุ่มโอเปกน่าจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมออกมาเพื่อชะลอทิศทางราคาน้ำมันไม่ให้ปรับลงแรง และผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐบางแห่งน่าจะเริ่มลดกำลังการผลิตเพราะราคาน้ำมันที่ต่ำไม่คุ้มทุนกับต้นทุนการผลิตที่มีอยู่

กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.ค.คงแนะนำซื้อ คาดว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มทรงตัวถึงดีดฟื้นขึ้นได้ ในเชิงปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่าเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านและมีโอกาสจะทะลุแนวต้านซึ่งจุดสูงสุดเดิมเมื่อช่วงสองเดือนก่อน โดยได้ปัจจัยหนุนจากทิศทางตลาดหุ้นโลกน่าจะปรับฟื้นขึ้นได้ต่อเนื่อง และตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ หนุนให้น่าจะมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามา นอกจากนี้ในระยะสั้นๆ ก่อนจบไตรมาส 2 เราคาดหวังว่าอาจจะมีแรงซื้อในลักษณะ Window dressing เข้ามาบ้าง

แนะนำซื้อ และขึ้นแรงขาย โดยแนะนำเปิด Long สัญญา S50U17 ในช่วงชะลอลงมาที่แนวรับ 990/980 เพื่อรอขายในช่วงแกว่งขึ้น โดยอาจรอดูที่แนวต้าน 1,000 หากทะลุขึ้นยืนได้เหนือแนวต้าน 1,000 จุด ได้อาจรอไปปิดสถานะที่แนวต้านถัดไปที่ 1,015/1,025 จุด หรือหากผิดคาดทะลุต่ำกว่าแนวรับ 980 หรือหากปรับขึ้นแรง แนะนำเปิด Short ที่แนวต้านใกล้ 1,015/1,025 เพื่อรอปิดสถานะช่วงชะลอลงมาที่แนวรับ 1,000/990 โดยให้ตัดขาดทุนหากผิดคาดทะลุเหนือ 1,025

สำหรับกลยุทธ์สัญญาทองคำล่วงหน้า เราประเมินว่าทองคำแกว่งตัวลงสลับเด้งฟื้นขึ้นแบบเทคนิคอลรีบาวน์ แนะนำลงแรงซื้อ และขึ้นขายในสัญญา GF10Q17 โดยแนะนำซื้อเมื่อชะลอลงมาแนวรับ 20,000/19,800 เพื่อรอขายในช่วงเด้งขึ้นไปใกล้แนวต้าน 20,500/20,800 โดยให้ตัดขาดทุนหากหลุดต่ำกว่า 19,800 หรือหากปรับขึ้นมาแรงใกล้แนวต้าน 20,500/20,800 อาจพิจารณาเปิด Short เพื่อรอขายในช่วงชะลอลงไปแนวรับ 20,000/19,800 โดยให้จุด Stop loss หากทะลุเหนือ 20,800