posttoday

พอร์ตลงทุนกบข.แจกกำไร5% ปีนี้เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย

31 มกราคม 2560

กบข.ถือเป็นกองทุนและนักลงทุนสถาบันที่มีบทบาทต่อตลาดทุนไทย

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มีบทบาทและหน้าที่สำคัญในการบริหารเงินของข้าราชการไทย ซึ่งปัจจุบันมีข้าราชการที่เป็นสมาชิกของกองทุนเกือบ 1 ล้านคน แบ่งเป็นข้าราชการพลเรือน 3.24 แสนคน ข้าราชการตำรวจ 1.43 แสนคน ข้าราชการทหาร 1.57 แสนคน และข้าราชการครู 3.2 แสนคน

โดย กบข.มีเงินกองทุนภายใต้การบริหาร รวม 7.74 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินสมาชิก 3.62 แสนล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินกองทุนส่วนเงินสำรองที่กระทรวงการคลังจ่ายสมทบให้กับสมาชิก

ทั้งนี้ กบข.ถือเป็นกองทุนและนักลงทุนสถาบันที่มีบทบาทต่อตลาดทุนไทยและมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการบริหารงานให้กับสมาชิก เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีและเพียงพอในยามเกษียณ

นโยบายการลงทุนของ กบข. คือ การบริหารเงินของกองทุนโดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องของความสมดุลระหว่าง “ความปลอดภัยของเงินต้น (Preservation of Capital)” กับ “ผลตอบแทนจากการลงทุน” ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้สมาชิก
มีมาตรฐานและคุณภาพของการดำรงชีวิตที่เหมาะสมภายหลังการเกษียณ “หลักการลงทุน โดยมีเป้าหมายสำคัญของการลงทุน ว่าจะต้องได้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ โดยต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่น้อยกว่า 60%”

ผลการดำเนินงานของ กบข.ในรอบปี 2559 จะเป็นอย่างไร โพสต์ทูเดย์ จะแกะพอร์ตลงทุนมาเสนอ รายงานข่าวจาก กบข.เปิดเผยว่า ในรอบปี 2559 ผลตอบแทนจากเงินลงทุนของ กบข. โดยส่วนของเงินที่เป็นของสมาชิก 3.62 แสนล้านบาทนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5.08% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่จะชนะเงินเฟ้อและมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์   

ทั้งนี้ ในการลงทุน กบข.ได้จัดสรรพอร์ตลงทุนโดยลงทุนในตราสารทุน (หุ้นตามที่กฎหมายกำหนดจะมีเพดานที่ 35% แต่ในการลงทุนจริงจะอยู่ที่ 25% ซึ่งในสัดส่วนการลงทุนในหุ้นนี้มีทั้งลงทุนในหุ้นตลาดในประเทศและกระจายออกไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศในสัดส่วนประมาณ 7-8% และยังมีการลงทุนในกองทุนทางเลือก เช่น อสังหาริมทรัพย์ประมาณ 12% ซึ่งการลงทุนทั้งหมดในรอบปีที่ผ่านมาถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดี

สำหรับการลงทุนในปี 2560 นี้ กบข.จะหันมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนต่ำกว่า 20% เพราะมองว่าปีนี้เศรษฐกิจภายในจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งผลจากการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลก รวมถึงการเลือกตั้งในสหภาพยุโรปล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องติดตาม เพราะจะมีผลต่อตลาดทุนทั่วโลก

“จะหันมาให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เริ่มขยับ รวมถึงบริษัทที่จะมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะจะเห็นว่าในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานนั้นได้กลับมาชัดเจน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน (โอเปก) และนอกโอเปกบรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น”

ขณะที่ลงทุนในตราสารหนี้นั้น จะเห็นว่า ณ เดือน ต.ค. 2559 มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้โดยเป็นพันธบัตรรัฐบาลในสัดส่วน 26.54% หรือ 9.3 หมื่นล้านบาท ตราสารหนี้ไทย 17.82% หรือ 6.32 หมื่นล้านบาท และตราสารหนี้เอกชน 15.95% หรือ 5.64 หมื่นล้านบาท

กบข.ระบุว่า ในการลงทุนหุ้นนั้นกองทุนเองจะพิจารณาและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการดูแลกิจการที่ดี(ซีจี) รวมถึงดูในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยว่าเป็นอย่างไร เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ