posttoday

ลดดอกเบี้ยดันหุ้นพุ่ง

18 ตุลาคม 2555

รับข่าวดีเพิ่มขึ้นช่วงสั้น13จุด กลุ่มอสังหาฯ-บริโภคเริงร่า

รับข่าวดีเพิ่มขึ้นช่วงสั้น13จุด  กลุ่มอสังหาฯบริโภคเริงร่า

หุ้นพุ่ง 13 จุด รับข่าว กนง.พลิกลดดอกเบี้ย 0.25% หนุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค กระตุ้นแรงซื้อ

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสดใสได้ปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 3% เหลือ 2.75% พลิกความคาดหมาย ส่งผลให้หุ้นหลายกลุ่มได้รับอานิสงส์ทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปรับตัวขึ้นรับข่าวดี ตามด้วยกลุ่มสื่อสารที่ฟื้นตัว

ส่งผลให้ดัชนีตลาดที่ลงไปต่ำกว่า 1,300 จุด ขึ้นมายืนปิดเหนือ 1,300 จุด ได้เล็กน้อย ที่ 1,301.28 จุด เพิ่มขึ้น 13.79 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.07% มูลค่าซื้อขาย 38,029.30 ล้านบาท

ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปิด 232.81 จุด เพิ่มขึ้น 3.82 จุด หรือ 1.67% มูลค่าซื้อขาย 6,648.17 ล้านบาท คิดเป็น 17.48% ของตลาด

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นจากข่าวดี กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยนี้ เนื่องจากการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

ลดดอกเบี้ยดันหุ้นพุ่ง

สำหรับตลาดหุ้นจะฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่นั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะดัชนียังไม่ทะลุแนวต้านหลัก 1,314 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ยังต้องระมัดระวัง

“ตลาดหุ้นจะฟื้นไปได้ไกล ขึ้นอยู่กับผลประกอบการไตรมาส 3 ที่จะออกมายังดีต่อเนื่องหรือไม่ รวมทั้งปัญหาในกรีซและสเปนต้องได้รับการแก้ไขที่ดีขึ้น” นายกวี กล่าว

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) กล่าวว่า การลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลดีทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ

สำหรับ LH นั้นได้รับอานิสงส์ทั้งจากดอกเบี้ยและมาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาล เพราะมีบ้านพร้อมขายอยู่แล้ว และช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ยังเชื่อมั่นว่ากิจการยังสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี และปีนี้จะเป็นปีที่ยอดขายและรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ทั้งหมด

สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างบรรดานักวิเคราะห์ว่า ไทยและฟิลิปปินส์มีความโดดเด่นเรื่องการขยายตัวอย่างร้อนแรงของตลาดหุ้น ซึ่งมีการเติบโตมากที่สุด ภายในภูมิภาคในปี 2554 ที่ผ่านมา ทำให้เป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าดึงดูด

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยายตัวได้ถึง 33% เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซึ่งขยายตัวมากถึง 29%สวนทางกับดัชนีเอ็มเอสซีไอใน 12 ประเทศเอเชีย ที่ขยายตัวเพียงแค่ 2% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่หดตัวลงเกือบ 14%

“ไทยได้ประโยชน์โดยตรงจากสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่แน่นอนว่าความมีเสถียรภาพที่มีอยู่จะดำรงต่อไปได้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากเคยมีบทเรียนเกี่ยวกับความวุ่นวายในอดีตที่ยังคงหลอกหลอนอยู่ โดยเฉพาะนับตั้งแต่การก่อรัฐประหารในปี 2549”

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้าวขึ้นบริหารประเทศพร้อมกับนโยบายประชานิยมก็ได้สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนมากขึ้น

ขณะที่ เฮอร์รัล ฟาน เดอ ลินด์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์อิควิตี้ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า ประเทศไทยนั้นจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในด้านการลงทุนมากขึ้น โดยนักลงทุนจะเปลี่ยนจากรูปแบบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน ไปเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นและผลิตภัณฑ์ทางการเงินเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น “ตลาดหุ้นไทยกำลังขยับขึ้นมาจากฐานที่ต่ำอยู่ ราคาจึงยังไม่แพงมาก ดังนั้นหากจะตัดสินใจนำเงินไปลงทุนที่ไหนสักแห่ง ผมจะเลือกประเทศไทย” ฟาน เดอ ลินด์ กล่าว