posttoday

ธอส.ลุ้น คลังถกธปท.ปลดล็อกLTVกระทบปล่อยกู้บ้านหลังแรกผู้มีรายได้น้อย

23 พฤษภาคม 2562

ธอส.คาดรัฐบาลใหม่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการปลดล็อกกฎเหล็ก LTV และปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

ธอส.คาดรัฐบาลใหม่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการปลดล็อกกฎเหล็ก LTV และปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้เรียก ธอส. และธนาคารออมสิน ให้ข้อมูลผลกระทบมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อที่จะนำไปหารือกับ ธปท. ให้ผ่อนผันเงื่อนไขการปล่อยกู้บ้านของแบงก์รัฐเฉพาะกิจ ที่เป็นการปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเป็นหลัก

ในส่วนของ ธอส. ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ค่อนข้างรุนแรง การปล่อยกู้ไตรมาสแรกปี 2562 โดยเฉพาะในเดือน มี.ค มีการอนุมัติการกู้เพื่อซื้อบ้านถึง 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อหนีมาตรการ LTV ซึ่งมีผลบังคับในเดือน เม.ย. ทำให้การปล่อยกู้ของธนาคารที่ได้รับผลกระทบทั้งมาตรการ LTV และมีวันหยุดมาก จึงปล่อยกู้ได้ 9,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 1.3 หมื่นล้านบาท

สำหรับการปล่อยกู้ในครึ่งเดือนแรกของ พ.ค. 2562 ยอดปล่อยกู้ลดลง 30-35% หากเป็นเช่นนี้จะทำให้ปีนี้ ธอส. ปล่อยกู้ต่ำกว่าเป้าหมาย 6 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.03 แสนล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะหารือกับ ธปท. ให้ผ่อนผันเกณฑ์ LTV กับแบงก์รัฐได้หรือไม่

"มาตรการ LTV เป็นมาตรการที่ดีถูกต้องตามทฤษฎี เหมาะสำหรับการคุมการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้มีรายได้ดี การกำหนดให้ปล่อยกู้บ้านหลังแรกได้ไม่ 95% ของราคาประเมิน ไม่กระทบกับผู้มีรายได้ดีที่กู้ธนาคารพาณิชย์ แต่กระทบ ธอส. ในการปล่อยกู้บ้านหลังแรกให้กับผู้มีรายได้น้อย ตัวอย่างเช่นขอกู้ 1 ล้านบาท ต้องหาเงินมาดาวน์ 5 หมื่นบาท สำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นเรื่องลำบาก ที่จะหาเงินดังกล่าวมาดาวน์ซื้อบ้าน" นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธนาคารเชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ทั้งการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการผ่อนผันเกณฑ์ LTV ส่วนอัตราดอกเบี้ยครึ่งปีหลังคาดว่าจะทรงตัว ธปท. คงไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับการปล่อยกู้โครงการบ้านล้านหลัง ในรอบแรกมีผู้จองสิทธิ์ 1.27 แสนราย ยืนคำกู้ 7,300 ราย วงเงินกู้ 5,200 ล้านบาท อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 6,300 ราย เป็นเงินกู้ 4,300 ล้านบาท เฉลี่ยปล่อยกู้เดือนละ 400-500 ล้านบาท โดยธนาคารจะเปิดให้จองสิทธิ์กู้รอบ 2 ในเดือน ก.ย. 2562 นี้ โดยโครงการบ้านล้านหลังได้รับอนุมัติวงเงินปล่อยกู้จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เบื้องต้น 5 หมื่นล้านบาท และให้ขยายเวลาการปล่อยกู้จากสิ้นปี 2563 ไปถึง 2564

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สศค. เปิดเผยว่า ตอนนี้ สศค. ติดตามผลกระทบมาตรการ LTV ที่เกิดขึ้นกับแบงก์รัฐ ว่าจะทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อบ้านลดลงต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากก่อนมาตรการมีผลได้มีการเร่งโอน ทำให้ยอดการโอนในเดือน เม.ย. ลดลง ซึ่งต้องดูต่อไปอีกระยะหนึ่งว่าเป็นการลดลงชั่วคราวหรือเป็นการลดลงถาวรทุกเดือน เพื่อจะได้หารือกับ ธปท. ได้อย่างถูกต้อง

ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธปท. ให้เหตุผลว่า มาตรการ LTV ไม่กระทบกับการปล่อยกู้บ้านหลังแรก เป็นมาตรการคุมการปล่อยกู้บ้านหลังที่ 2 และ 3 เพื่อไม่ให้เกิดการซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร และการปล่อยกู้บ้านแบบมีเงินถอน เพราะ ธปท. พบว่า ธนาคารพาณิชย์บางแห่งปล่อยกู้ซื้อบ้านให้กับผู้กู้ถึง 110-115% ของราคาประเมิน จึงต้องออกมาตรการนี้มาเพื่อดูแลเรื่องเสถียรภาพ จึงต้องรอดูผลของมาตรการนี้อย่างแท้จริงอีกระยะหนึ่ง