posttoday

ธปท.คุมสินเชื่อรถยนต์ กระเทือนยอดขายลด2-6%

13 เมษายน 2562

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ธปท. ออกมาตรการคุมสินเชื่อรถยนต์ครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ยอดขายตก 2-6% ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกฎเหล็ก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ธปท. ออกมาตรการคุมสินเชื่อรถยนต์ครึ่งปีหลัง ส่งผลให้ยอดขายตก 2-6% ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกฎเหล็ก

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาตรการคุมการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เหมือนการคุมสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อบ้านที่เริ่มวันที่ 1 เม.ย. 2562 จะเป็นผลดีกับผู้ประกอบการปล่อยกู้และผูู้กู้รถซื้อรถยนต์ในระยะยาว

ทั้งนี้ หากธปท. ออกมาตรการคุมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 กรณี

กรณีที่ 1. ธปท. ออกมาตรการในลักษณะประนีประนอมและมีผลกระทบในวงจำกัด รวมกับปัจจัยลบอื่นๆ ที่มีในตลาดอยู่แล้ว เช่น ราคาสินค้าเกษตรต่ำ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2562 น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวไปจนถึงหดตัวเล็กน้อยที่ 3% คิดเป็นจำนวนรถยนต์ที่จำหน่าย 1.01-1.04 ล้านคัน จากปี 2561 ขายได้ 1.04 ล้านคัน

กรณีที่ 2. ธปท. ตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับการวางเงินดาวน์ของผู้ซื้อรถยนต์ โดยอาจเป็น 20-25% อาจมีผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ในประเทศในปี 2562 ให้หดตัวลงใน 2-5% และ 3-6% ตามลำดับ

ธปท.คุมสินเชื่อรถยนต์ กระเทือนยอดขายลด2-6%

ทั้งนี้ ปี 2562 นี้ ภาพรวมสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทรงตัว จากการชะลอตัวเศรษฐกิจ หาก ธปท. ออกมาตรการเพิ่มเติม อาจทำให้ยอดขายรถยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อรถ ชะลอตัวลงกว่าที่คาดบ้าง

ในช่วงต้นเดือนเม.ย. 2562 ธปท.ออกมา เตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมการแข่งขันของสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ (ไฟแนนซ์) ร่วมกับค่ายรถยนต์และดีลเลอร์รถบางแห่งที่ผ่อนปรนมาก จนยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2561 ถีบตัวขึ้นไปสูงถึง 1.04 ล้านคัน และยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อรถในระบบสถาบันการเงิน เพิ่มขึ้น 12.6% เป็น 1.07 ล้านล้านบาท ซึ่งโตที่สุดในรอบ 6 ปี

นอกจากนี้ ยังทำให้สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยับขึ้นเป็น 24% ของพอร์ตสินเชื่อรายย่อย (ประกอบด้วย สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล) จากเดิมที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 23% ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ของสินเชื่อเช่าซื้อรถขยับสูงขึ้นมาที่ 1.66% ณ สิ้นปี 2561 จากระดับ 1.60% ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท. ติดตามดูอย่างใกล้ชิด