คลังโชว์ผลงานอีเพย์เมนต์แห่งชาติ

คลังเผยผลงานเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์เป็นไปตามเป้า ยอดลงทะเบียนพร้อมเพย์ 46.5 ล้านราย เงินสะพัดในระบบ 5.8 ล้านล้าน

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผล การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ ระบบชำระเงินของประเทศ (National e-Payment) 5 โครงการถือว่าบรรลุตามเป้าหมาย โดยโครงการที่ 1 ระบบการชำระเงินแบบ Any ID และโครงการที่ 2 การขยายการใช้บัตร ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ทุกประเภทแล้ว 46.5 ล้านราย และมีปริมาณธุรกรรม 1,100 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่าธุรกรรม 5.8 ล้านล้านบาท ขั้นตอนต่อไปจะมุ่งส่งเสริมให้ ดิจิทัล เพย์เมนต์ เป็นหลักในการชำระเงิน

สำหรับโครงการที่ 3 ระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมสรรพากรได้ดำเนินการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านพร้อมเพย์แล้ว และมีการจัดทำระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้วในปี 2560 สำหรับระยะต่อไปพัฒนาระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็ก ทรอนิกส์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เสียภาษีเพื่อการบริการที่ดีและการแนะนำการเสียภาษีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ด้านโครงการที่ 4 อี-เพย์เมนต์ ภาครัฐ โดยบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการจ่ายเงินสวัสดิการสังคมผ่านบัตร 14.5 ล้านราย รวมทั้งจ่ายเงินสวัสดิการสังคมด้วยพร้อมเพย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการรับจ่ายเงินภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้หน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 7,200 หน่วยงาน ใช้บริการด้านการจ่ายเงิน การรับเงินและการนำเงินส่งคลัง ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้ง ของธนาคารกรุงไทย

สำหรับระยะต่อไป กรมบัญชีกลางจะผลักดันให้เกิดการขยายการใช้บัตรอย่างครบวงจรและการขยายฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ โดยบูรณาการข้อมูลกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และประเมินผลการจัดสวัสดิการ นอกจากนี้ จะเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานใช้งานระบบ e-Payment ทั้งการชำระและรับชำระเงินผ่านช่องทาง KTB Corporate Online เครื่อง EDC และ QR Code ให้เต็มประสิทธิภาพ และโครงการที่ 5 การให้ความรู้และส่งเสริมการใช้ธุรกรรมอิเล็ก ทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง