posttoday

เร่งเบิกจ่าย7แสนล. สศช.ดันแอ็กชั่นแพลนคมนาคม20โครงการ

20 กุมภาพันธ์ 2562

ลุ้นเบิกจ่ายงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 7 แสนล้าน ช่วยดันเศรษฐกิจปี 2562 สศช.เผยเดินเครื่องก่อสร้างแล้ว 20 โครงการ

ลุ้นเบิกจ่ายงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 7 แสนล้าน ช่วยดันเศรษฐกิจปี 2562 สศช.เผยเดินเครื่องก่อสร้างแล้ว 20 โครงการ

นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ในปี 2562 แม้จะมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม แต่มีปัจจัยสนับสนุนในประเทศคือการลงทุนภาครัฐที่ต้องเร่งรัดให้ได้ตามแผนจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมาก ทั้งงบลงทุนปี 2562 วงเงิน 6 แสนล้านบาท และงบเหลื่อมปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง (แอ็กชั่น แพลน)

สำหรับแอ็กชั่น แพลน ตั้งแต่ปี 2559 มีจำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1.38 ล้านล้านบาท ขณะนี้เริ่มการก่อสร้างแล้ว 14 โครงการ วงเงินรวม 7.23 แสนล้านบาท โครงการภายใต้แอ็กชั่น แพลน ปี 2560 จำนวน 36 โครงการ เริ่มก่อสร้างแล้ว 5 โครงการ เงินลงทุนรวม 3,517 ล้านบาท และโครงการ ภายใต้แอ็กชั่น แพลน ปี 2561 เข้าสู่ ขั้นตอนการก่อสร้างแล้ว 1 โครงการ เงินลงทุน 2,043 ล้านบาท รวมโครงการ ภายใต้แอ็กชั่น แพลน ทั้ง 3 ปี มีโครงการเข้าสู่การก่อสร้างแล้ว 20 โครงการ เงินลงทุนรวม 7.28 แสนล้านบาท

"20 โครงการเข้าสู่การก่อสร้างหมดแล้ว เหลือเพียงดำเนินโครงการและ เบิกจ่ายไปตามแผน ซึ่งถ้าเป็นไปตาม เป้าหมายจะส่งผลบวกต่อประเทศไทย และดูแลเศรษฐกิจในช่วงที่มีความเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะจากสงครามการค้าและในประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้ง" นายวิชญายุทธ กล่าว

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงานและการขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จนถึงเดือน ก.ย. 2562 โดยให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละหน่วยงานเจ้าของโครงการหรือจากแหล่งอื่นๆเพื่อเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายต่อไป

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินโครงการภายใต้โครงการเงินกู้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งจัดทำรายงานผลการดำเนินงานส่งให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ทุกเดือน ภายในวันที่ 7 ของ เดือนถัดไป และกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมให้กระทรวงการคลังติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานเจ้าของโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ที่กำหนด