posttoday

คลังดึงเศรษฐีสละเบี้ยคนชรา

31 มกราคม 2562

คลังตั้งเป้าคนแก่ฐานะดีบริจาค 1-2 ล้านราย เติมเงินคนแก่จนให้ได้เดือนละ 1,000 บาท

คลังตั้งเป้าคนแก่ฐานะดีบริจาค 1-2 ล้านราย เติมเงินคนแก่จนให้ได้เดือนละ 1,000 บาท

นายอภิศักดิ์  ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและสมาคมแบงก์รัฐ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพจากรัฐบาลและ มีฐานะดีมาบริจาคผ่านสาขาของธนาคารทั้งหมดทั่วประเทศได้ โดยให้นำบัตรประชาชนมาเป็นหลักฐานในการสละสิทธิเท่านั้น และธนาคารจะส่งข้อมูล มาที่กรมบัญชีกลาง ก่อนจะส่งเงินเข้าไปกองทุนผู้สูงอายุ เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายให้กับผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน ที่ได้ลงทะเบียนในโครงการเพื่อรับสวัสดิการของรัฐต่อไป รวมถึงกรมบัญชีกลางจะส่งใบเสร็จการสละสิทธิรับเบี้ยยังชีพให้กับผู้บริจาคเพื่อให้แน่ใจว่าเงินดังกล่าวมีการนำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการเรื่องนี้ มาเป็นเวลานาน แต่มีคนมาสละสิทธิ แค่ 800 คนเท่านั้น เพราะมีปัญหาเรื่องการประชาสัมพันธ์และช่องทางในการสละสิทธิที่ยังมีจำกัด เพราะต้องไปที่ เขตหรืออำเภอเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มช่องทางนี้ก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ โดยธนาคารพาณิชย์และแบงก์รัฐจะช่วยทำการประชาสัมพันธ์ผ่านทุกสาขา ทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ทั้งหมดด้วย

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้มาสละสิทธิ 1-2 ล้านราย และจะทำให้สามารถจ่ายเบี้ยยังชีพเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาท จากเดิม 600 บาท/เดือน ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกลุ่มนี้ดีขึ้น

สำหรับการลงทะเบียนสละสิทธิ ในช่วงวันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค. 2562 ทางกระทรวงการคลังจะมอบเหรียญพระคลังมหาสมบัติให้เป็นที่ระลึกพร้อมใบประกาศเกียรติคุณซึ่งมีลายเซ็นจากนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวผู้ประสงค์สละสิทธิรับเบี้ยยังชีพยังสามารถลงทะเบียนเพื่อสละสิทธิได้ต่อไป รวมถึง ผู้ที่สละสิทธิแล้วและต้องการสิทธิคืนก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ธนาคารเช่นกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคนแก่ 11 ล้านคน ไปลงทะเบียนเพื่อรับเบี้ยยังชีพ 9 ล้านคน และมาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ 4.6 ล้านคน ที่เหลือคาดว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่มีฐานะดีและเชื่อว่าจะมา บริจาคเพราะว่าคนไทยเป็นคนมีน้ำใจ

ปัจจุบันกองทุนผู้สูงอายุได้รับเงินจากภาษีบาป 2% คิดเป็นวงเงิน 4,000 ล้านบาท ก็ได้นำเงินส่วนนี้นำไปจ่ายเพิ่มให้กับผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนได้คนละ 50-100 บาท แต่ยังไม่เพียงพอ โดยคาดว่าถ้ามีผู้สูงอายุสละสิทธิถึง 1-2 ล้านคน ก็จะทำให้มีเงินจ่ายให้กับผู้สูงอายุที่มี รายได้น้อยถึง 1,000 บาท

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารทุกแห่งพร้อมให้ความร่วมมือประชาสัมพันธ์ ผ่านสาขา 6,700 แห่ง และตู้เอทีเอ็ม 7 หมื่นตู้ และใช้ช่องทางออนไลน์ทั้งหมด อาทิ เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดความเข้าใจ