เลิกรับเช็คขีดฆ่าข้ามธนาคาร1ก.พ.นี้

สมาคมแบงก์ หวังปิด ช่องโหว่ทุจริต เตรียมทำข้อตกลงระหว่างกันมีผลต้นเดือนหน้า

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การยกเลิกให้เบิกเช็คข้ามธนาคารกรณีมีการขีดฆ่าแก้ไข ได้ปรึกษากับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ซึ่งมาจากกระบวนการ ตรวจสอบเช็คผ่าน ICAS ที่ให้ส่งเอกสารเช็คเป็นภาพถ่ายได้ ไม่สามารถตรวจสอบลายเซ็นแก้ไขได้ชัดเจน ทำให้เกิดความผิดพลาดและเป็นช่องโหว่ให้เกิดการทุจริต จึงได้ตกลงกันในธนาคารพาณิชย์ว่า จะไม่รับเช็คที่มีการแก้ไขข้ามธนาคารตั้งแต่ 1 ก.พ.นี้เป็นต้นไป มั่นใจว่ากระทบกับลูกค้าไม่มาก เพราะสัดส่วนเช็คที่มีการแก้ไขมีเพียง 3% เท่านั้น

ทั้งนี้ ภาพรวมการใช้เช็คลดลงบ้าง แต่เป็นตราสารที่มีประโยชน์กับธุรกิจ ที่คุ้นเคยธุรกรรมดังกล่าวแทนเงินสด แต่ต้นทุนการใช้เช็คสูงมากทั้งการซื้อสมุดเช็คและขั้นตอนการส่งเช็ค เชื่อว่าจะมีวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาทดแทน หากธุรกิจหรือระบบอี-เพย์เมนต์ดีขึ้น ซึ่งหลายประเทศไม่ใช้เช็คแล้ว

"ต้นทุนธุรกรรมเช็คของลูกค้าฉบับหนึ่ง 15 บาท และยังมีต้นทุนแฝงอื่นๆ อีก ส่วนธนาคารนั้นแบกต้นทุนเช็คสูงกว่าลูกค้าหลายเท่า มองว่าหากคนไม่ใช้หรือระบบสู้ไม่ไหวก็ต้องปรับลด เหมือนสาขาธนาคารหากคนไม่เข้าแล้วก็ต้องปิด" นายปรีดี กล่าว

นายปรีดี ในฐานะกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ผลประกอบการธนาคารกสิกรไทยสิ้นไตรมาส 4 มีกำไรลดลง โดยรายได้ที่หายไปมาก ที่สุดคือ ค่าธรรมเนียม จากการยกเลิกค่าธรรมเนียมบนดิจิทัลทำให้รายได้ พลาดเป้า ประกอบกับค่าธรรมเนียมจากการขายประกันลดลง เพราะปรับปรุงกระบวนการให้เป็นไปตามมาตรฐานมาร์เก็ตคอนดักต์

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้ทยอยตั้งสำรองหนี้เสียในช่วง 2 ปีเพื่อดูแลความเสี่ยง ทำให้ปี 2562 การตั้งสำรองลดลงกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าจะคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ชะลอกว่าปีก่อน แต่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ 4% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมปีนี้เติบโตถึง 7% เน้นสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่ให้ผลตอบแทนสูง เพิ่มรายได้ชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไป

ขณะที่สินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอีขนาดเล็กมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ การจะปรับเพดานดอกเบี้ยสูงสุดเป็น 28% หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคารตามการแข่งขัน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะต้องประเมินสภาพเศรษฐกิจ สภาพคล่อง โดยไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะขึ้นเมื่อไหร่