posttoday

สรรพสามิตยันไม่เลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่

12 พฤศจิกายน 2561

สรรพสามิตลั่นไม่เลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่ปีหน้า ยันเก็บตามปริมาณและมูลค่า

สรรพสามิตลั่นไม่เลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่ปีหน้า ยันเก็บตามปริมาณและมูลค่า

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การเก็บภาษีอัตราใหม่ยังคงเดินหน้าตามกฎหมายใหม่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราภาษีใหม่เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 โดยอัตราภาษีเป็นตามปริมาณ 1.20 บาท/มวน และตามมูลค่า 20% สำหรับบุหรี่ที่ราคาไม่เกินซองละ 60 บาท และเก็บตามมูลค่า 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาเกินซองละ 60 บาท

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 การเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่าจะเป็นอัตราเดียวกันที่ 40% ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือขยายเวลาออกไปตามที่ผู้บริหารของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ว่า ได้หารือกับกระทรวงการคลังแล้ว จะขยายเวลาการขึ้นภาษีไปอีก 2 ปี

“การเก็บภาษีบุหรี่ยังยึดตามกฎหมายเดิมทุกอย่าง ซึ่งมีการระบุไว้ชัดเจน ทั้งการแบ่งราคาเป็น 2 กลุ่ม และอัตราภาษีที่ในปีหน้าจะต้องเก็บภาษีตามมูลค่าเป็นอัตราเดียวกันที่ 40%” นายพชร กล่าว

สำหรับการขึ้นอัตราภาษียาเส้นมวนเองอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราที่เหมาะสม เพราะปัจจุบันอัตราภาษีต่ำมากเก็บอยู่ที่ 0.15% เท่านั้น ซึ่งในปีหน้าเมื่ออัตราภาษีบุหรี่เพิ่มขึ้นอีก ก็จะทำให้มีช่องห่างของภาษีบุหรี่กับยาเส้นมากขึ้นไปอีก ทำให้คนหันไปบริโภคยาเส้นมากขึ้น ซึ่งมีอันตรายมากกว่าการสูบบุหรี่

อย่างไรก็ตาม การขึ้นอัตราเก็บภาษียาเส้นจะต้องไม่กระทบกับชาวบ้านที่เป็นผู้ปลูกใบยา และช่วงเวลาการปรับขึ้นภาษียาเส้นที่เหมาะสม ก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกันที่มีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ในปีหน้า

นายพชร กล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินสมทบสนับสนุนบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง โดยให้เก็บเงินจากบุหรี่อีกซองละ 2 บาทเข้ากองทุน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ในส่วนของกรมสรรพสามิตต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของกระทรวงการคลัง

อย่างไรก็ดี กรมสรรพสามิตเห็นว่าการเก็บเงินจากสินค้าบุหรี่อย่างเดียว โดยไม่เก็บเงินจากสุราและเบียร์ด้วย จะทำให้ไม่เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษี ในแง่ของหลักวินัยการเงินการคลังที่มี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เพราะหากกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบมาได้ ในอนาคตก็จะมีกฎหมายลักษณะเดียวกันตามออกมาอีกมาก

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขได้พยายามเสนอ พ.ร.บ.บัตรทองให้ ครม.เห็นชอบหลายครั้ง โดยการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งแต่ไม่ผ่าน โดย ครม.ให้ไปขอความเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะเกรงว่าจะขัดกับวินัยการคลัง