posttoday

รีดค่าเช่าโครงการหมอชิต

24 กันยายน 2561

ธนารักษ์มั่นใจค่าเช่าที่ราชพัสดุหมอชิต 30 ปี รายได้ 3,000 ล้านคุ้มค่า คาดบางกอกเทอร์มินอลพร้อมลงทุน 2.6 หมื่นล้าน

ธนารักษ์มั่นใจค่าเช่าที่ราชพัสดุหมอชิต 30 ปี รายได้ 3,000 ล้านคุ้มค่า คาดบางกอกเทอร์มินอลพร้อมลงทุน 2.6 หมื่นล้าน

น.ส.อมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงโครงการลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท ที่จะทำสัญญา ก่อสร้างกับบริษัท บางกอกเทอร์มินอล เพื่อพัฒนาที่ราชพัสดุหมอชิต ซึ่งเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ว่าในส่วนของผลตอบแทนที่กรมธนารักษ์ได้รับจากการให้เช่าที่ราชพัสดุ 30 ปี มีมูลค่า 3,000 ล้านบาทถือว่าคุ้มค่า เพราะผลตอบแทนของโครงการนี้แบ่งได้ 2 ส่วน ส่วนที่เป็นทรัพย์สิน เป็นอาคารที่สร้างชดเชยมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างอาคารส่วนที่ต่อจากศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้า ต่อขึ้นไปเพื่อให้ชั้น 3 และ 4 มีขนาดเนื้อที่ 1.2 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) ทำเป็นสถานีกลางของหมอชิตที่ย้ายกลับเข้ามา

นอกจากนี้ ยังมีเงินสดที่เป็นค่าเช่าที่กรมธนารักษ์จะได้อีก 600 ล้านบาทในช่วง 30 ปี เมื่อรวมทั้งสองโครงการทำให้รัฐได้ประโยชน์จากโครงการหมอชิตประมาณ 3,000 ล้านบาท

สำหรับรูปแบบโครงการหมอชิต ยังไม่มีการตั้งชื่อโครงการ แต่จากการหารือกับทางบริษัท บางกอกเทอร์มินอล ที่มีการปรับยอดเงินลงทุนจาก 1.8 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2539 เป็น 2.6 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน เพราะต้องการจะลงทุนให้เต็มที่ใช้ประโยชน์สูงสุด แม้พื้นที่จะได้ลดลงจากกว่า 8 แสน ตร.ม. เหลือ 7 แสน ตร.ม. ประกอบกับค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าโครงการต้องปรับตัวสูงขึ้น ตั้งเป้าหมายใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี

ทั้งนี้ คาดว่าจะเป็นการทำโครงการในลักษณะพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ผสมผสานกัน คือจะมีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และยังจัดพื้นที่สำหรับโครงการจอดแล้วจร ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลที่ดีของการทำการค้า และเป็นศูนย์กลางในการเดินทาง มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และ บขส. สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แล้วขึ้นรถโดยสารออกไปยังจุดหมายได้สะดวก

นอกจากนี้ โครงการยังมีการใช้พื้นสร้างเป็นสถานีกลางของหมอชิต คือจะมีการกันพื้นที่ 1.2 แสน ตร.ม. ให้กับทาง บขส. โดยจะให้สถานีขนส่งอยู่ด้านบนของอาคารบริเวณชั้น 3 และ 4 เหนือจากศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดบริการผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่าจะสามารถย้ายเข้าไปได้ประมาณปี 2566