ธนารักษ์ดันโครงการใหญ่

กรมธนารักษ์เดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านพื้นที่ราชพัสดุ  เร่งแจ้งเกิดโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา ขยายศูนย์ราชการ ศูนย์สิริกิติ์ ยันอีอีซี

น.ส.อมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ราชพัสดุโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญว่า ขณะนี้ตำรวจดับเพลิงได้ส่งมอบที่ราชพัสดุในโครงการร้อยชักสามติดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว และได้มีการปรับสัญญาการลงทุนกับภาคเอกชน โดยปรับเวลาก่อสร้างเป็น 6 ปี บวกกับสัญญาบริหารโครงการ 30 ปี เพื่อทำเป็นโรงแรมที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับหรู ดึงดูดการท่องเที่ยว

สำหรับการพัฒนาโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะโซนซี พื้นที่ 5.1 แสนตารางเมตร มีส่วนราชการ 13 หน่วยงานแสดงความจำนงเช่าพื้นที่ ด้วยวงเงินลงทุน 3 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จะใช้แนวทางการระดมทุนแบบผสม ทั้งการกู้เงินในประเทศ เพราะอัตราดอกเบี้ย ต่ำกว่าทำซีเคียวริไทเซชั่นอีกทางหนึ่ง ส่วนศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เจรจาจบแล้วจะทำสัญญาได้ปีหน้า โดยมีการเปลี่ยนสัญญาจากลงทุนโรงแรมเป็นปรับปรุงพื้นที่ มูลค่า 6,000 ล้านบาท

น.ส.อมรรัตน์ กล่าวว่า ส่วนโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้ส่งพื้นที่ราชพัสดุให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไปบริหาร 7,000 ไร่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม 6,500 ไร่ และเขตนวัตกรรม 759 ไร่ ส่วนที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแห่งอื่น มีการ ลงทุนไปแล้วหลายแห่ง อาทิ จ.สระแก้ว มีการลงทุนระยะแรกไปแล้ว โดยมีนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดูแล จ.ตราด มีบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ทำสัญญา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแผน การลงทุน จ.กาญจนบุรี มีโครงการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ 400 ล้านบาท และ จ.ตาก มีโครงการลงทุนของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อีก 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2561 กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้สูงถึง 11,342 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7,400 ล้านบาท หรือ 153% โดยแบ่งเป็นรายได้ด้านที่ราชพัสดุ 9,593 ล้านบาท สูงกว่า เป้าหมาย 150% รายได้ด้านเหรียญกษาปณ์ 1,740 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 172% และรายได้อื่นๆ สูงกว่าเป้าหมาย 9 ล้านบาท ทั้งนี้มีรายได้พิเศษจากค่าเช่าที่จากบริษัท ไทยออยล์ เกือบ 3,000 ล้านบาท

น.ส.อมรรัตน์ กล่าวว่า ด้านโรงกษาปณ์ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 10 จำนวน 9 ชนิดราคา นำออกใช้หมุนเวียนในระบบ 615 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นสัดส่วน 2% เหรียญกษาปณ์ทั้งหมด 3 หมื่นล้านเหรียญ หรือมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท ยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกคืนเหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 9 ออกจากระบบ  โดยจะปล่อยให้เหรียญหมดสภาพตามอายุการใช้งานประมาณ  5 ปี