posttoday

‘แบงก์ไทย’ รับหุ่นยนต์เสริมทีมเวลท์

10 สิงหาคม 2561

ธนาคารพาณิชย์ไทยกำลังเปลี่ยนโฉม เมื่อประกาศรับหุ่นยนต์และเอไอเข้ามาเสริมทีมเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์

โดย...วารุณี อินวันนา

ธนาคารพาณิชย์ไทยกำลังเปลี่ยนโฉม เมื่อประกาศรับหุ่นยนต์และเอไอเข้ามาเสริมทีมเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ หรือ RM เพื่อให้คำปรึกษาการเงินและการลงทุน วิเคราะห์ วางแผน จัดแผน พร้อมเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ทางการลงทุน ให้ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนตามเป้าหมายส่วนบุคคล

ภาสการ์ ประพาคาระ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท วีอินเวสท์ (Weinvest) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ทำงานบนหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ให้กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ กล่าวว่า หนึ่งธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยซึ่งติด 1 ใน 3 อันดับแรก ได้ใช้แพลตฟอร์มของบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้งระบบและทำความเข้าใจกับ RM โดยจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าธนาคารในเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาให้บริการบนแพลตฟอร์มด้านการบริหารความมั่งคั่งมี 3 ผลิตภัณฑ์ หนึ่ง แทรคเวลท์ (TrackWealth) โซลูชั่นที่รวบรวมบัญชีสินทรัพย์ที่มีอยู่ในธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนรวม ไว้ที่เดียวกัน จะได้เห็นเงินลงทุนทั้งหมดเพื่อจัดพอร์ตที่เหมาะสม

สอง โกรว์เวลท์ (GrowWealth) แพลตฟอร์มให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ตั้งแต่การวิเคราะห์ความเสี่ยง วางกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนทีละขั้นตอน พร้อมจัดพอร์ตการลงทุน

พอร์ตการลงทุนจะบอกว่าลงทุนในสินทรัพย์อะไร เช่น ลงทุนในพันธบัตร ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี 15 อันดับแรกในสหรัฐอเมริกา ลงทุนในบริษัทที่ผลิตน้ำ ลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สิงคโปร์ จะทำให้ลูกค้าเข้าใจง่ายขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวลูกค้า แทนที่จะบอกว่าลงทุนในกองทุนที่มีชื่อยาวเหยียดซึ่งบางครั้งลูกค้าจำไม่ได้

สาม แอดไวซ์เวลท์ (AdviseWealth) เป็นเครื่องมือช่วยให้ RM มองเห็นความต้องการของลูกค้าแบบครอบคลุม ให้คำปรึกษาและบริการโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างความประทับใจในการใช้บริการของลูกค้า ช่วยลดต้นทุนในการทำงาน

“อดีต RM จะเสนอสินค้าที่ตัวเองได้ค่านายหน้าสูงๆ หรือใช้ตำแหน่งผลักดันการขาย ทำให้เสนอขายสินค้าหรือบริการด้านการลงทุนที่ไม่ต้องกับความต้องการของลูกค้า ถ้าใช้แพลตฟอร์มของบริษัทจะทำให้เกิดความโปร่งใสด้านการให้คำแนะนำการทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องง่าย ค่าใช้จ่ายของผู้ให้บริการและลูกค้าต่ำ ลูกค้าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมได้ประมาณปีละ 1.5-2%” ประพาคาระ กล่าว

ประพาคาระ คาดว่าในอีก 12-24 เดือนข้างหน้า ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินในไทย ที่ให้บริการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้า จะหันมาใช้แพลตฟอร์มด้านการลงทุน และการให้คำแนะนำที่เป็นหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มากขึ้น เพราะไทยมีจำนวนประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนไทยมีความตื่นตัวเรื่องการลงทุน จะเห็นได้จาก 60% ที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นนักลงทุนรายย่อยมาก ที่สุดใน 7 ประเทศแถบอาเซียน ขณะที่ในสิงคโปร์ มาเลเซีย นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนประมาณ 30% เท่านั้น

นอกจากนี้ จำนวนที่ปรึกษาทางด้านการลงทุนในไทยยังมีไม่เพียงพอกับจำนวนนักลงทุนและความต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงคนรุ่นใหม่ต้องการบริการที่สามารถลงมือบริหารจัดการสินทรัพย์ได้ด้วยตัวเอง ผู้คนมีเวลาน้อย เพราะต้องเสียเวลาในการเดินทางค่อนข้างมากในแต่ละวัน การซื้อขายหุ้น การลงทุน หากยังใช้วิธีการเดิมๆ จะไม่สะดวก ซึ่งต่อไปนักลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยตัวเองที่บ้าน

สำหรับการวางคอนเซ็ปต์หรือแนวคิดด้านการลงทุน บริษัทมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและมีประสบการณ์ในการทำงานบริหารเงินลงทุนจากองค์กรขนาดใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการจัดการกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 10 ปี และยังใช้ข้อมูลจากผู้ให้บริการจัดทำข้อมูลการลงทุนและดัชนีการลงทุนขนาดใหญ่ของโลก ดัชนีชี้วัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชโรเดอร์ อินเวสเมนท์ เอสแอนด์พี มอร์นิ่งสตาร์ เอ็มเอสซีไอ บลูมเบิร์ก และข้อมูลวิจัยทั่วโลก ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน เทคนิค ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องในการลงทุนทั้งหมดย้อนหลัง 15 ปี จากนั้นนำมาออกแบบการลงทุน ออกแบบพอร์ตลงทุน

ทั้งนี้ จากการพิสูจน์การบริหารพอร์ตของเอไอที่บริษัทสร้างขึ้น ด้วยการทดสอบและเก็บสถิติในช่วงที่ผ่านมาที่ทางบริษัทนำมาให้บริการลูกค้า เทียบกับผูัจัดการกองทุนที่บริหารกองทุนเชิงรุก 40-50 กองทุน และเทียบกับผลตอบแทนของทั้งตลาด พบว่าเอไอของบริษัทบริหารเงินลงทุนได้ดีกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาด