ธอส.ปล่อยเงินกู้บ้าน0.65% จัดมหกรรมที่อยู่อาศัยอัดเงิน6,500ล้าน ลดราคาเอ็นพีเอ50%พร้อมฟรีค่าธรรมเนียม

โชว์ดอกเบี้ยต่ำสุด ในระบบ มั่นใจสินเชื่อทั้งปีทะลุ 2 แสนล้าน กระตุ้นเร่งตัดสินใจกู้ซื้อบ้านก่อนดอกเบี้ยจะขึ้น

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.เตรียมจัดมหกรรมด้านที่อยู่อาศัยครบวงจร หรืองานบ้าน ธอส. เอ็กซ์โป ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 5-8 ก.ค. 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้ได้ออกสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ กรอบวงเงิน 6,500 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกคิดดอกเบี้ย 0.65% เดือนที่ 7-36 คิดดอกเบี้ย 3.65% หลังจากนั้นเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเอ็มแอลอาร์ลบ 1.1% เฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปีอยู่ที่ 3.15% ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับในระบบที่ดอกเบี้ย 3 ปีเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.4-3.5%

ทั้งนี้ สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษดังกล่าวจะเปิดให้ลูกค้าสามารถยื่นขอสินเชื่อ ได้ทั่วประเทศ แต่จะต้องยื่นในช่วง เวลาเดียวกับการจัดงานคือ 5-8 ก.ค.นี้เท่านั้น

สำหรับลูกค้าที่ยื่นขอกู้ในงานและทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 ส.ค. 2561 ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 0.1% ของวงเงินทำนิติกรรม ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้ ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 1,000 บาท และฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินกู้ตามสัญญา

ขณะที่ลูกค้าที่ยื่นคำขอกู้ที่สาขา ทั่วประเทศ จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ฟรี ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 0.1% ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้ ฟรีค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง 0.5% ของวงเงินกู้ตามสัญญา

นอกจากนี้ จะมีมหกรรมทรัพย์ มือสองโดยเปิดจำหน่ายทรัพย์เอ็นพีเอทุกประเภทจากสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธอส. ที่ลดราคาจำหน่ายทรัพย์สูงสุดถึง 50% จากราคาปกติ และหากผู้กู้มีรายได้ไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท/เดือน ต้องการจะซื้อทรัพย์เอ็นพีเอที่มีราคา ไม่เกิน 2 ล้านบาท ธนาคารจะให้ดอกเบี้ยพิเศษ 0% เป็นเวลานานถึง 60 เดือน เช่น ถ้ากู้ 1 ล้านบาท ผ่อน 40 ปี ช่วง 3 ปีแรกจะมีภาระค่าผ่อนตกเดือนละ 4,000 บาทเท่านั้น

สำหรับผลดำเนินงานล่าสุดคาดว่า ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ จะสามารถปล่อย สินเชื่อได้ถึง 1 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายครึ่งปีแรกที่ตั้งไว้ โดยทั้งปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อที่ 1.89 แสนล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

ด้านยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล คาดว่าในปีนี้จะมีการขายเอ็นพีเอได้กว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้เอ็นพีแอลจะทยอยลดลงจาก 4.3% เหลือราว 4.06% ในช่วงสิ้นปีนี้

นายฉัตรชัย กล่าวว่าหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในไทยอาจจะมีการปรับตัวสูงขึ้นตามนั้น แต่ ธอส.ในฐานะธนาคารของรัฐ จะพยายามตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงหลังจากนี้ที่แนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น จะส่งผลกระทบให้การทำโครงการดอกเบี้ยพิเศษ หรือดอกเบี้ยคงที่ของสถาบันการเงินต่างจะมีระยะเวลาที่สั้นลง โดยอาจจะเห็นดอกเบี้ยคงที่ 1 หรือ 2 ปีเท่านั้น และอาจจะเห็นดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ที่ลบในอัตราที่น้อยลง จึงแนะนำผู้ที่กำลังเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้รีบตัดสินใจก่อนไตรมาส 3 นี้