posttoday

ศก.ดีคลังปรับจีดีพีเป็น4.5%

25 พฤษภาคม 2561

คลังจ่อปรับจีดีพีปีนี้เป็น 4.5% เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี หลังเศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวสูงเกินคาดที่ 4.8%

คลังจ่อปรับจีดีพีปีนี้เป็น 4.5% เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี หลังเศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวสูงเกินคาดที่ 4.8%

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังจะปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งจะมีแถลงอย่างเป็นทางการสิ้นเดือน ก.ค. 2561 โดยจะปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เป็น 4.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย. 2561  ว่าจะขยายตัวได้ 4.2% เนื่องจากการประกาศตัวเลขจริงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในไตรมาสแรกขยายตัวได้ถึง 4.8% จากที่คลังคาดว่าจะโตได้ 4% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวเกินกว่าที่คลังคาดไว้มาก ทำให้ต้องติดตามการปรับประมาณการทางเศรษฐกิจใหม่

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายตัวที่ปรับดีขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า ปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และปัญหาการคว่ำบาตรประเทศอิหร่านลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น โดยคลังจะปรับการขยายตัวเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้นจากเดิม หลังจากที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญในไตรมาสแรกทั้งสหรัฐโต 2.9% จีนโต 6.8% สิงคโปร์โต 4.4% ซึ่งก็มากกว่าที่คาดการณ์เดิมไว้เช่นกัน

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกจากการลงทุนภาครัฐที่ไตรมาสแรกขยายตัวได้ 4% จากที่ไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวติดลบ คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งจะดึงดูดให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าทั้งปีจะโตมากกว่า 3% จากปีที่แล้วขยายตัวได้ไม่ถึง 2%

สำหรับการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 8% ที่ประกาศไว้เดิม สาเหตุจากทั้งเศรษฐกิจโลกดีขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จากเดิมที่ประมาณการว่าค่าเงินปีนี้จะอยู่ที่ 31.5 ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะมีปรับประมาณการใหม่ให้อ่อนค่าลงเล็กน้อย

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ราคาน้ำมันแพงขณะนี้เป็นปัญหาระยะสั้น ยังไม่กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ เมื่อดูจากราคาน้ำมันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไนเม็กซ์ในปี 2562 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 64-67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าราคาในปัจจุบันที่ 77.3 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยคลังคาดราคาเฉลี่ยทั้งปีนี้อยู่ที่ 66.5 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยจะปรับขึ้นเป็น 67 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าราคาปัจจุบัน