คลังชะลอแผนพันธมิตรใหม่ไอแบงก์

คลังหวั่นถูกกดราคา ขอเวลาแต่งตัวใหม่ทำกำไรก่อนหาผู้ร่วมทุน ชี้หากกรุงไทยสนใจต้องเข้ามาในลักษณะเจรจาซื้อหุ้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการหาพันธมิตรให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ ว่า อาจจะใช้วิธีการบริหารจัดการแบงก์เองไปก่อน เพราะผลดำเนินงานปีนี้คาดว่ามีกำไร ที่ผ่านมามีการโอนหนี้เสียราว 5 หมื่นล้านบาท มาที่เอเอ็มซีไอแบงก์แล้ว

นอกจากนี้ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เห็นชอบร่างแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เพื่อเปิดทางให้กระทรวงการคลังถือหุ้นในไอแบงก์ได้เกินกว่า 49% เป็นการชั่วคราว ทางกระทรวงการคลังจะทยอยใส่เงินเพิ่มทุน 1.8 หมื่นล้านบาททันที ซึ่งแหล่งเงินจะมาจากงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่เหลือจะเบิกจากกองทุนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจอีก 1.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ จะเห็นว่าฐานะของไอแบงก์มีเงินฝากคงค้างที่ระดับ 1 แสนล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับ 8-9% จึงเห็นว่าควรบริหารจัดการให้มีกำไรมากกว่านี้ พร้อมกับการเจรจาหาพันธมิตรควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสมที่สุด

"พันธมิตรก็หาไปด้วยไม่เบรกยังเจรจาอยู่ และต้องหารายได้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้รัฐได้ผลประโยชน์สูงสุด จะให้มาขายกันถูกๆ คงไม่ได้เพราะแบงก์คลีนแล้ว ส่วนกรณีที่ธนาคารกรุงไทยสนใจจะมาจริง ก็คงมาในลักษณะเข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งปัจจุบันหุ้นกรุงไทยถืออยู่ในไอแบงก์ ได้ถูกลดสัดส่วนลงจนไม่มีหุ้นเหลืออยู่แล้ว" นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับการเปิดรับสมัครคัดเลือก ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการไอแบงก์ที่ปิดไปเมื่อสิ้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่ามีผู้สนใจมาสมัคร คาดว่าจะ คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมได้เร็วๆ นี้

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า ธนาคารกรุงไทยได้แสดงความสนใจเข้ามาร่วมทุนในไอแบงก์ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ คาดว่าน่าจะเป็นการเข้ามาถือหุ้นมากกว่า ไม่ใช่การควบรวมเพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่จะเป็นในลักษณะที่ยังคงมีธนาคารกรุงไทย และ ไอแบงก์ ที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้ามุสลิมต่อไป