posttoday

ออกกฎดูแลคู่สัญญา

11 เมษายน 2561

ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การดูแลผลประโยชน์ของ คู่สัญญา (ฉบับที่...) เป็นตัวกลางดูแลประโยชน์ผู้ซื้อผู้ขาย

ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การดูแลผลประโยชน์ของ คู่สัญญา (ฉบับที่...) เป็นตัวกลางดูแลประโยชน์ผู้ซื้อผู้ขาย

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... แก้ไขเพิ่ม พ.ศ. 2551 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสมาคมธนาคารไทยไปประกอบการพิจารณาด้วยแล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

สำหรับวัตถุประสงค์การออกกฎหมายดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่สัญญาและความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา จะทำให้ระบบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือการทำสัญญาต่างตอบแทนเกิดความเสี่ยงหรือหยุดชะงัก ส่งผล กระทบต่อคู่สัญญาและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังระบุว่า พ.ร.บ.เมื่อปี 2551 จำกัดกิจกรรมทำให้การทำธุรกรรมตาม พ.ร.บ.เดิมมีเพียง 41 สัญญา มูลค่าที่ดูแลประมาณกว่า 3.3 แสนล้านบาทเท่านั้น แยกเป็นด้านตลาดทุน 33 สัญญา มูลค่า 3.3 แสนล้านบาท ด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ 4 สัญญา 852 ล้านบาท

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายใหม่คือ จะให้มีการดูแลผลประโยชน์ของผู้ซื้อและผู้ขายให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมที่หลากหลายมากขึ้น การเพิ่มบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม ซื้อขายห้องชุด แก้ไขบัญญัติการออกหลักฐานการฝากเงินให้สอดคล้องกับระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากเดิมที่จะดูแลเฉพาะในส่วนของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยจะให้มีตัวกลางขึ้นมาดูแลและบริหารประโยชน์ ติดตามค่าเช่า ค่าบริการ หรือทรัพย์สิน ฯลฯ โดยมีการคิดอัตราตอบแทนตามที่แต่ละคู่สัญญาเห็นตรงกัน ซึ่งเมื่อได้เงินที่ได้รับจากคู่สัญญาฝ่ายที่ต้องชำระเงินให้นำฝากเข้าบัญชีภายในหนึ่งวันทำการและมีหลักฐานการรับเงินให้ชัดเจน

กรณีพบว่าผู้ดูแลประโยชน์ของ คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามที่คณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ ประกาศ กำหนด ให้มีโทษ แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษทางปกครอง โดยให้คณะกรรมการพิจารณามีคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5 แสนบาท

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทยเห็นว่าอาจไม่ต้องประกาศกำหนดค่าตอบแทนและค่าบริการที่จะจัดให้กับผู้เป็นตัวกลางที่ดูแลประโยชน์เนื่องจากควรให้เป็นไปตามกลไกตลาด และการคุ้มครองเงินในบัญชีดูแลผลประโยชน์ เห็นว่าให้มีข้อกำหนดห้ามหักลบกลบหนี้และยึดหรืออายัดเงินในบัญชีดูแลผลประโยชน์ทุกกรณี